บุคลิกภาพ คือ สิ่งที่กระทุ้งแหวกออกจากซอก-อก คุณไม่มีทางหมกเม็ดมันได้
มีวิชาหนึ่งที่ชั้นต้องบอกว่า ชอบเรียนมากๆ ..... จิตวิทยาสังคม
วิชานี้ที่ชอบ ... เพราะอาจารย์ให้ดูหนังแล้วมาวิเคราะห์
คนอื่นไม่ค่อยพอใจอาจารย์เท่าไหร่ แต่ อิชั้น อ้อม แต้ ชอบวิชานี้ม๊ากกกก
จะเซ็งนิดเดียว ก็คือ ....
หนังที่อาจารย์กำหนดให้ดู มักจะหายากส์มร๊าก ตามร้านเช่าวิดิโอไม่มีอะ คิดดู ยุคเก่าสุดๆ ,,,
เช่น เรื่อง Casablanca
อาจารย์สอนสไตล์อเมริกาสุดขีด (ขี้เกียจรึเปล่าวะ อิอิ) .... เพราะอาจารย์ไม่ชอบขึ้นกระดาน สไลด์ แต่ให้ทุกคน วิเคราะห์ออกมา และแน่นอนว่า ไม่มีใครกล้าพูด กล้าแสดงความคิดเห็น (ตามสไตล์เด็กไทย ถามไปก็ไม่มีใครพูด) ..... อาจารย์เลยให้เขียน เอออออออออออ นั่นแหละ เลยได้ฝึกเขียนกันยกใหญ่
อาจารย์บอกว่า Casablanca ... มีพล๊อตเรื่องที่ระทึกใจสุดติ่ง ชิงซีนกันสุดเขต
คือ ตอนจบ พระเอกเลือกที่จะช่วยนางเอกให้หนีไปกับชู้รัก
อารมณ์ว่ารักแท้ต้องเสียสละ (เรียกน้ำตาท่วมล้นจอ คอหนืดเหนียว)
ชั้นกับไอ้อันแอบเถียงว่า ....
ใหม่ตรงไหน หนังตอนชั้นเรียน ปี 4 ก็ออกแนวรักแท้เสียสละทั้งนั้น
แต่อาจารย์บอกว่า ..... สมัยนั้น การเสียสละ คือ นิยามที่แท้จริง ใหม่มากกกกกกกกกก เทห์ ฉัสๆ วัดใจสุดๆ เป็นจุดเริ่มต้นให้พวกเธอ เรียนรู้คำว่ารักคือการให้ ในปัจจุปันไง ???????? .... นักศึกษาอย่าโง่ ช่วยเข้าใจครูหน่อย อิอิ
อีก .... 5 ปีต่อมา .... ดูเรื่อง แฟนเก่า แฟนใหม่
มันกลับบอกว่า .... รักแท้คือการแย่งชิง รักไม่จริงคือการเสียสละ ????
(เปรี้ยว ปรี๊ด กรี๊ด กร๊าด)
และได้ยินอีกครั้งหนึ่ง .... จากเรื่อง Made of Honor (2008) -
พระเอกเหนื่อยที่จะพยายามแย่งนางเอกกลับมา .... เลยบอกกับพ่อด้วยประโยคคลาสิกของนิคว่า รักแท้คือการให้ .... ขอยอมแพ้และเดินจากไปดีกว่า
พ่อพระเอกด่า Pussy Nick .... เพราะพ่อนิคบอกว่า ...รักแท้คือการทำทุกอย่างให้ได้ครอบครองเว้ยยยยย (เอาจริงๆนะ ตอนนั้นฮากร๊ากกกกก)
ประเด็นของเรื่องมันไม่ได้อยู่ที่ .... รักแท้ ต้องแย่ง หรือ ไม่แย่ง
แต่ประเด็นมันคือ .... ประวัติศาสตร์ย้อนเวียนกลับมาเป็นวงจรที่เดิม เสมอ
นี่มากกว่ามั้ง .... ที่อาจารย์จบอเมริกาคนนั้นเฝ้าสอนเรา ???
จิตวิทยาสังคม ไม่เคยเปลี่ยนไป ....
มันเป็นศาสตร์ที่เกาะติดพฤติกรรมเรามาตั้งแต่ปฐม ปรมชาติ
พฤติกรรมของมนุษย์ก็เช่นกัน .... มันมีวงจร จนหล่อมหลอมกลายเป็น
บุคลิกภาพ อย่างที่มนุษย์ไม่สามารถซ่อนเร้นได้ ??????
บุคลิกมีหลายแบบ .... แต่ที่จำได้ (ช่วงนั้นมัวแต่เที่ยว อิอิ ค้นหาคำตอบของชีวิตเยอะ.... เลยจำได้แต่ 2 แบบเท่านั้น) คือ
ชั้นเป็นประเภท Extrovert (but hide in Process) ,,,
เป็นคนที่แสดงออกอย่างชัดเจน แต่ซ่อนกระบวนการดำเนินชีวิตและความคิด .... เค้าบอกว่า ช่วงระยะเวลา 18-25 ปีจะเป็นช่วงที่เราพยายามเลือกพฤติกรรมให้กับตัวเอง ... เพื่อใช้ยึดเป็นร่างทรงไปตลอดชีวิต
วัยนี้จึงไฟแรง ทำงานเก่ง ไขว่คว้าหาดวงดาว กล้าคิด กล้าตัดสินใจ high power ?????
แต่ไม่ค่อยมีใคร หรือบริษัทไหน ยอมเลือกเด็กจบใหม่ มาเป็น ผู้จัดการ หรอก เพราะบุคลิกจะไม่เสถียร เพิ่งจะก้าวผ่านวัยรุ่นมาได้ไม่กี่ปี .... หวั่นไหวง่าย ล้มเลิกได้เร็ว (มานั่งวิเคราะห์ตอนหงอกขึ้น .... เอออออออออออออ ช่ายวะ จริง ตรงตามตำราทุกข้อ !!!!! )
เค้าเลยบอกกันว่า ....เวลารับสมัคร ผู้จัดการเขต ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ .... ต้องระบุที่อายุ 35 ขึ้นไป
แถมถ้ามีครอบครัวจะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ (คนมีครอบครัวมีภาระ ไม่ยอมออกจากงานง่ายๆ มีวุฒิภาวะสูง ต้องเลี้ยงดูลูกเมีย กดดันเท่าไหร่ก็ไม่ท้อ เพราะถ้าเปลี่ยนแปลง คนอื่นๆในครอบครัวจะรวน และล้มครืนหมด)
เอออออ มันตรงเป๊ะ ตามจิตวิทยาสังคม องค์กรเด๊ะ !!!!!
ที่บอกว่า มนุษย์จะเลือกพฤติกรรม ร่างทรงที่ชัดเจนได้ตอนอายุ 28-34 ....
เอาเป็นว่าใครสามสิบกว่าแล้วยังหวั่นไหวนี่ ฮามากกกกกกกกกกกกกกก ....... เมริงผิดปกติชัวร์
วันนี้ .... 30 ปีเป๊ะ !!!!!!!!
สุดท้าย .........
บุคลิกแบบมู่หลาน ใน ดิสนี่ย์ ออริจินัลอะ แบบนั้นเลยที่ชอบ ที่เลือก ที่เป็น
....โก๊ะ กัง ขำ ฮา ฝีมือก็ไม่ได้ดีเริ่ด .... รบแต่ละทีก็มีแต่เรื่องขำทริกของ she ฮา รั่วเต็มที่ ตลกสุดๆ .... กล้าโกหกแม้กระทั้งแม่ทัพ ..... ทั้งๆ ที่รู้ว่าถ้าถูกจับได้ จะโดนฆ่าตัดคอตายในกองพันแน่นอน ....... แต่ก็ยังกล้า และหน้าด้านจะทำ เพื่อออกรบแทนคนอื่น
(จริงๆ ชั้นว่า she แอบกลัว ที่พ่อโกรธเรื่องทำแม่สื่อพังพินาศด้วยแหละ .... ไม่มีผู้ชายคนไหนเอาทำเมียแน่ๆ เลยชักดาบหนี ไปแอ๊บในสงคราม ฮ่าๆๆๆ อย่ามาทำเป็นเหนียม เจ๊นิสัยแบบยัยคนนี้แหละ มองปั๊บทะลุพรวด)
คนที่มู่หลานเลือก ก็ชางนั่นแหละ .... นายกองธรรมดาที่ร่วมรบด้วยกัน
เฮ้ยยยยยยยยยยยย มันโรเมนติกนะเฟ้ยยยย ขอบอก
จบดีกว่า .... แอบง่วง
มีวิชาหนึ่งที่ชั้นต้องบอกว่า ชอบเรียนมากๆ ..... จิตวิทยาสังคม
วิชานี้ที่ชอบ ... เพราะอาจารย์ให้ดูหนังแล้วมาวิเคราะห์
คนอื่นไม่ค่อยพอใจอาจารย์เท่าไหร่ แต่ อิชั้น อ้อม แต้ ชอบวิชานี้ม๊ากกกก
จะเซ็งนิดเดียว ก็คือ ....
หนังที่อาจารย์กำหนดให้ดู มักจะหายากส์มร๊าก ตามร้านเช่าวิดิโอไม่มีอะ คิดดู ยุคเก่าสุดๆ ,,,
เช่น เรื่อง Casablanca
อาจารย์สอนสไตล์อเมริกาสุดขีด (ขี้เกียจรึเปล่าวะ อิอิ) .... เพราะอาจารย์ไม่ชอบขึ้นกระดาน สไลด์ แต่ให้ทุกคน วิเคราะห์ออกมา และแน่นอนว่า ไม่มีใครกล้าพูด กล้าแสดงความคิดเห็น (ตามสไตล์เด็กไทย ถามไปก็ไม่มีใครพูด) ..... อาจารย์เลยให้เขียน เอออออออออออ นั่นแหละ เลยได้ฝึกเขียนกันยกใหญ่
อาจารย์บอกว่า Casablanca ... มีพล๊อตเรื่องที่ระทึกใจสุดติ่ง ชิงซีนกันสุดเขต
คือ ตอนจบ พระเอกเลือกที่จะช่วยนางเอกให้หนีไปกับชู้รัก
อารมณ์ว่ารักแท้ต้องเสียสละ (เรียกน้ำตาท่วมล้นจอ คอหนืดเหนียว)
ชั้นกับไอ้อันแอบเถียงว่า ....
ใหม่ตรงไหน หนังตอนชั้นเรียน ปี 4 ก็ออกแนวรักแท้เสียสละทั้งนั้น
แต่อาจารย์บอกว่า ..... สมัยนั้น การเสียสละ คือ นิยามที่แท้จริง ใหม่มากกกกกกกกกก เทห์ ฉัสๆ วัดใจสุดๆ เป็นจุดเริ่มต้นให้พวกเธอ เรียนรู้คำว่ารักคือการให้ ในปัจจุปันไง ???????? .... นักศึกษาอย่าโง่ ช่วยเข้าใจครูหน่อย อิอิ
อีก .... 5 ปีต่อมา .... ดูเรื่อง แฟนเก่า แฟนใหม่
มันกลับบอกว่า .... รักแท้คือการแย่งชิง รักไม่จริงคือการเสียสละ ????
(เปรี้ยว ปรี๊ด กรี๊ด กร๊าด)
และได้ยินอีกครั้งหนึ่ง .... จากเรื่อง Made of Honor (2008) -
พระเอกเหนื่อยที่จะพยายามแย่งนางเอกกลับมา .... เลยบอกกับพ่อด้วยประโยคคลาสิกของนิคว่า รักแท้คือการให้ .... ขอยอมแพ้และเดินจากไปดีกว่า
พ่อพระเอกด่า Pussy Nick .... เพราะพ่อนิคบอกว่า ...รักแท้คือการทำทุกอย่างให้ได้ครอบครองเว้ยยยยย (เอาจริงๆนะ ตอนนั้นฮากร๊ากกกกก)
ประเด็นของเรื่องมันไม่ได้อยู่ที่ .... รักแท้ ต้องแย่ง หรือ ไม่แย่ง
แต่ประเด็นมันคือ .... ประวัติศาสตร์ย้อนเวียนกลับมาเป็นวงจรที่เดิม เสมอ
- จากรุ่นทวด .... รักแท้ ต้องไปแหวก แหกเอามา ครอบครอง
- เป็นรุ่นพ่อเรา ..... ที่รักแท้ คือการเสียสละ และเห็นเค้ามีสุข
- สู่รุ่นหลานเรา .... รักแท้ กลับต้องแย่งชิงกันอีกครั้ง
นี่มากกว่ามั้ง .... ที่อาจารย์จบอเมริกาคนนั้นเฝ้าสอนเรา ???
จิตวิทยาสังคม ไม่เคยเปลี่ยนไป ....
มันเป็นศาสตร์ที่เกาะติดพฤติกรรมเรามาตั้งแต่ปฐม ปรมชาติ
พฤติกรรมของมนุษย์ก็เช่นกัน .... มันมีวงจร จนหล่อมหลอมกลายเป็น
บุคลิกภาพ อย่างที่มนุษย์ไม่สามารถซ่อนเร้นได้ ??????
บุคลิกมีหลายแบบ .... แต่ที่จำได้ (ช่วงนั้นมัวแต่เที่ยว อิอิ ค้นหาคำตอบของชีวิตเยอะ.... เลยจำได้แต่ 2 แบบเท่านั้น) คือ
- Introvert
- Extrovert
ชั้นเป็นประเภท Extrovert (but hide in Process) ,,,
เป็นคนที่แสดงออกอย่างชัดเจน แต่ซ่อนกระบวนการดำเนินชีวิตและความคิด .... เค้าบอกว่า ช่วงระยะเวลา 18-25 ปีจะเป็นช่วงที่เราพยายามเลือกพฤติกรรมให้กับตัวเอง ... เพื่อใช้ยึดเป็นร่างทรงไปตลอดชีวิต
วัยนี้จึงไฟแรง ทำงานเก่ง ไขว่คว้าหาดวงดาว กล้าคิด กล้าตัดสินใจ high power ?????
แต่ไม่ค่อยมีใคร หรือบริษัทไหน ยอมเลือกเด็กจบใหม่ มาเป็น ผู้จัดการ หรอก เพราะบุคลิกจะไม่เสถียร เพิ่งจะก้าวผ่านวัยรุ่นมาได้ไม่กี่ปี .... หวั่นไหวง่าย ล้มเลิกได้เร็ว (มานั่งวิเคราะห์ตอนหงอกขึ้น .... เอออออออออออออ ช่ายวะ จริง ตรงตามตำราทุกข้อ !!!!! )
เค้าเลยบอกกันว่า ....เวลารับสมัคร ผู้จัดการเขต ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ .... ต้องระบุที่อายุ 35 ขึ้นไป
แถมถ้ามีครอบครัวจะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ (คนมีครอบครัวมีภาระ ไม่ยอมออกจากงานง่ายๆ มีวุฒิภาวะสูง ต้องเลี้ยงดูลูกเมีย กดดันเท่าไหร่ก็ไม่ท้อ เพราะถ้าเปลี่ยนแปลง คนอื่นๆในครอบครัวจะรวน และล้มครืนหมด)
เอออออ มันตรงเป๊ะ ตามจิตวิทยาสังคม องค์กรเด๊ะ !!!!!
ที่บอกว่า มนุษย์จะเลือกพฤติกรรม ร่างทรงที่ชัดเจนได้ตอนอายุ 28-34 ....
เอาเป็นว่าใครสามสิบกว่าแล้วยังหวั่นไหวนี่ ฮามากกกกกกกกกกกกกกก ....... เมริงผิดปกติชัวร์
วันนี้ .... 30 ปีเป๊ะ !!!!!!!!
- บุคลิกชัดเจน ที่ Extrovert and still hide Process
- เลือกฝั่งศิลปิน มากกว่าที่จะเป็นฝั่ง ทหารกล้า
- เลือกที่จะเป็น slave มากกว่าเป็น Boss (อันนี้ซีเรียสนะ ชั้นไม่ชอบยืนหนาวๆ บนโพเดียมจริงๆอะ มันวังเวงจนแสบกระดูกเลยนะ เหงาคอตๆ โหใครยืนได้เป็น 10-20-30 ปี นี่ เก่งมากอะ )
- พฤติกรรมมันซ่อนกันไม่ได้
- ปกปิดไม่มิด มันชัดเจน >>>> เพราะกระทุ้งออกจาก stem cell ไขสันหลัง !!! อิอิ ....
- ชั้นมั่นใจนะ ว่าตัวเองสามารถเป็น slave ที่ดีได้สุดๆ
- แต่ชั้นไม่พร้อมและไม่มีความสามารถพอที่จะเป็น Boss จริงๆ
- ชั้นอยากเป็น Manger หรือ CEO , Owner Business เล็กๆ >>> (ถ้าถามว่าทำไมอยากเป็น CEO นักหนา ... ก็ตอบตรงๆว่า "มั่นใจ" ....จำจากเรื่อง New in Town ด้วยแหละ .... ค่อนข้างอิน คิดว่าตัวเองเป็นนางเอก เลยหยิบมิดไมล์....หนูทำได้แน่แม้กำเงินแค่ 30 บาท ลองพนันกันไหมละ??? เหอะๆ)
- ชั้นอาจจะดูโง่ .... และก็มั่นใจว่าตัวเองโง่จริง (แต่ลึกๆ ก็ไม่ชอบให้ใครมาย้ำปมด้อยนะ ???? --- ประมาณว่ารู้ตัวนั่นแหละว่าโง่ แต่ไม่ต้องย้ำมากก็ได้ แอบอาย)
- อยากกลับไปหยิบหนังสือเล่มนั้น .... แล้วกราบงามๆซักครั้ง (จำไม่ได้แล้วเหมือนกันว่าเล่มไหน)
- เพราะวันนี้เราเลือกได้แล้วว่า .... ว่าบุลคลิกแบบนี้เหมาะกับเราแน่ๆ
- เราจะเลือกวุ่นวาย ฟุ่งซ่าน และจะพบความสุขได้ง่ายๆ ไม่ว่าจะต้องยืนตรงจุดไหนก็ตาม
สุดท้าย .........
บุคลิกแบบมู่หลาน ใน ดิสนี่ย์ ออริจินัลอะ แบบนั้นเลยที่ชอบ ที่เลือก ที่เป็น
....โก๊ะ กัง ขำ ฮา ฝีมือก็ไม่ได้ดีเริ่ด .... รบแต่ละทีก็มีแต่เรื่องขำทริกของ she ฮา รั่วเต็มที่ ตลกสุดๆ .... กล้าโกหกแม้กระทั้งแม่ทัพ ..... ทั้งๆ ที่รู้ว่าถ้าถูกจับได้ จะโดนฆ่าตัดคอตายในกองพันแน่นอน ....... แต่ก็ยังกล้า และหน้าด้านจะทำ เพื่อออกรบแทนคนอื่น
(จริงๆ ชั้นว่า she แอบกลัว ที่พ่อโกรธเรื่องทำแม่สื่อพังพินาศด้วยแหละ .... ไม่มีผู้ชายคนไหนเอาทำเมียแน่ๆ เลยชักดาบหนี ไปแอ๊บในสงคราม ฮ่าๆๆๆ อย่ามาทำเป็นเหนียม เจ๊นิสัยแบบยัยคนนี้แหละ มองปั๊บทะลุพรวด)
คนที่มู่หลานเลือก ก็ชางนั่นแหละ .... นายกองธรรมดาที่ร่วมรบด้วยกัน
เฮ้ยยยยยยยยยยยย มันโรเมนติกนะเฟ้ยยยย ขอบอก
จบดีกว่า .... แอบง่วง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น