วันศุกร์ที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2557

การรักษามะเร็ง "หัวใจ"


5 ตุลาคม 2013 เวลา 0:37 น.
หลังจากดูหนังเรื่องแฝดเสร็จ .... ก็เริ่มเพ้อเจ้อต่อ เพราะคิดว่าก็เพ้อเจ้อในพื้นที่ส่วนตัว ไม่ได้ลงชื่อด้วย ไม่ได้พาดพิงใครด้วย ...

ทุกครั้งที่จะทำอะไรลงไป ชั้นถามตัวเองแค่สองข้อว่า
  1. การกระทำของชั้นทำร้ายคนอื่นไหม
  2. การกระทำชั้น ทำร้ายตัวเองไหม 
ถ้าสองข้อนี้ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนก็จะพยายามหัดเขียน หัดพิมพ์ เขียนเรื่องนั้นเรื่องนี้ต่อไป ....
รู้ดีว่าการเขียนเป็นสิ่งที่แสดงออกถึงความรู้สึกมากเกินไปไม่ควรกระทำ ....

มาที่เรื่องการรักษามะเร็ง 
เอาจริงๆชั้นไม่มีความรู้เรื่องนี้หรอก ..... เคยดูหนัง ประมาณว่า มะเร็งลุกลามได้เร็วมาก ทรมาณ การรักษาก็ยากส์ คนที่เป็นมักจะทนทุกข์จนเกินกว่ารับได้ ส่วนการรักษาก็ใช้คีโม ขั้นรุนแรง อารมณ์ว่าเจ็บปวดมาก

ชั้นสารภาพตามตรงว่า ตัวเองเคยเป็นมะเร็งทางความรู้สึกคะ

มะเร็งทางความรู้สึก คือ อาการที่เราไม่รู้ว่ามันเกิดตรงไหน รู้แต่มันเจ็บปวด มันทรมาณ แต่หาสาเหตุไม่เจอ หาสาเหตุความผิดปกติไม่ได้  จนสุดท้าย ต้องใช้วิธีการผ่าตัด แม้แต่หมอเองก็ยังไม่แน่ใจอยู่ดี ว่ามะเร็งจะยังหลงเหลือรึเปล่า .... คนไข้จะมีชีวิตอยู่ได้ไปอีกกี่วัน

วันนี้พอดูเรื่องแฝดเสร็จ ชั้นรีบหยิบ เครื่องสแกนมาดูหัวใจตัวเองทันทีว่า .....รอยมะเร็งของความเจ็บปวดยังหลงเหลืออยู่รึเปล่า เพราะชั้นผ่าเอง ผ่าออกไปหลายรอบมาก .... อารมณ์ว่าไม่อยากทรมานกับมันเลย

นางเอกเรื่องแฝด ฆ่าน้องตัวเองตาย แล้วต้องทรมาณกับภาพหลอนตลอดเวลา เพราะทำผิด
ชั้นรีบยิ้มแล้ว หัวเราะเลยว่า ....ชั้นยังไม่เคยเห็นภาพหลอน ไม่เคยได้สัมผัสอะไรเป็นอาการของโรคที่บ่งบอกว่าเป็นจิตประสาท เพราะไม่เคยทำอะไรรุนแรงกับคนอื่นถึงขั้นนั้นเลย

อาจจะมีเรื่องคนรอบข้างที่ไม่ลงรอยบ้าง ทะเลาะกันบ่อย นินทา ชั้นพูดอะไรไปคนอื่นก็ได้ยินทั้งนั้น บลาๆๆๆๆ หรืออะไรก็แล้วแต่ ที่ดูเหมือนเพื่อนจะรังเกียจ ไม่มีคนคบ ..... แต่นั่นไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย คนรอบข้างอาจจะไม่ชอบ แต่มันก็ไม่ใช่ประเด็นใหญ่ที่ชั้นจะร้องไห้ เสียใจ หรือสำนึกผิดอีกต่อไป

กลับมาที่เรื่องของมะเร็ง ....
ผลปรากฎเป็นที่น่าพอใจมาก เพราะ ..... ร่องรอยมะเร็งชั้นหายไปหมดแล้ว ไม่เหลืออีกเลยต้องแอบขอบคุณ JF ไม่ใช่เพราะเรารักหรือว่าเราลึกซึ้งอะไรหรอก .... ชั้นยังไม่รู้จักเค้าดีเลย กุมมือก็ยังไม่เคย จะรักกันดูดดื่มกันได้อย่างไรเล่า แต่เพราะบทสนทนาที่บอก JF ไปว่า ....

ชั้นเป็นซึมเศร้า อาจจะมีอาการทางจิตด้วย และในวันที่เราคุมสติไม่อยู่ เป็นบ้า คุณจะยังอยากจับมือชั้นไหม  (ทั้งที่ความจริงชั้นไม่ได้เป็นอะไรมากมายขนาดนั้นหรอก แกล้งๆถามไปงั้นๆ แหละ )

แต่นี่ตะหาก Key words ของการรักษาผู้ป่วยที่ traumar ทางจิต นั่นคือ ..... ผู้ป่วยอาจจะเจอเหตุการณ์สะเทือนขวัญ สั่นประสาทมากมาย จากเพื่อน จากคนรอบข้าง จากเหตุการณ์ในอดีต จนไม่กล้าที่จะยอมรับความจริงในบางเรื่อง เป็นปมฝังลึก และรู้สึกไม่มั่นคงในชีวิต เค้าแค่ต้องการ ใครซักคนที่ยืนยันว่า จะยืนเคียงข้างกัน แม้ในวันที่ไม่มีอะไรเลย

นั่นแหละสำคัญที่สุด ....
ซึ่งแน่นอนว่า หมอไม่มีทางช่วยผู้ป่วยได้
ผู้ป่วยต้องหาให้เจอเอง .... ว่าถ้าในวันที่คลุ้มคลั่ง เสียสติ สูญเสียสิ่งที่รักไปอีก จะมีใครไหมที่ยืนข้างเค้า
แต่ !!! ฟังให้จบนะ

ในความเป็นจริง ไม่มีใครยืนข้างเราได้ตลอดชีวิตหรอก มันเป็นสัจนิรันดร์เลยก็ว่าได้

และหมอต้องทำให้คนไข้นึกขึ้นมาให้ได้ว่า .... ตัวเองนั้นแหละที่ต้องยืดหยัดเข้มแข็ง และพยุงตัวเองให้ได้ทุกครั้งที่ล้ม !!!!

เจฟไม่ได้ทำให้ชั้นรู้สึกมั่นคง หรือ รักดูดดื่มหรอก แต่เจฟเหมือนเป็นเงามืดๆ นิดส์ๆ ที่กระตุ้นว่า ....
จริงๆผมไม่ได้รักคุณหรอก คุณนั่นแหละ ต้องรักตัวเอง .... และผมดูแลคุณไม่ได้หรอก คุณนั่นแหละต้องรักษาตัวเอง 
.. มันใช่เลยอะ เป็นการหักดิบอาการที่ยอดมาก .... Bravo เจ็บปวด แต่ สวดยอด

อะไรที่มันเป็นต้นเหตุ ปลายเหตุ ของอาการเจ็บปวด ชั้นตัดทิ้งไปทั้งหมด
เรียกว่า ... ใช้ขาเทียม แขนเทียม หัวใจเทียม แล้วมีชีวิตต่อไปแบบลุยโลด
มันคงอาจจะเหลืออาการเจ็บ บริเวณอวัยวะที่เหมือนจะเคยมี ไปบ้าง .... กรณีคนที่ต้องตัดแขน ขา แม้จะไม่มีอวัยวะนั้นแล้ว แต่ยังรู้สึกเจ็บ .... แต่ชั้นมั่นใจว่า อาการเหล่านี้จะหายไปอย่างแน่นอน ปีหรือ สองปี ...จิ๊บๆคะ แค่นี้ ไม่รบกวนกิจกรรมชีวิตชัวร์

รู้สึกดีกับชีวิต ..... รู้สึกว่าชีวิตไม่ได้แย่เลย
แม้จะติดในห้วงนี้นานขนาดไหน ก็ยังรู้สึกว่าตัวเองจะมีความสุขได้ ไม่เครียด

เอาละ หาอะไรทำต่อไปเพื่อชนะความกลัวเช่น
ดูหนังผีเรื่งอื่นๆ อีกเป็นร้อย


ขอบคุณเรื่อง แฝด และ ลองของ .... ที่ใช้สัจธรรมง่ายๆ ตอกย้ำความจริง

เดือนนี้มีเวลาอีกเยอะมาก .....
เหลือหนังอีกตั้งหลายเรื่องไว้ดู อย่าคิดมากเลย เยสสส !!! 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น