article for shared .... ในเฟสบุ๊ค มันเกิดอาการ แฮงค์ อัพไม่ขึ้น และอีกปัญหามากมาย .... เลยตัดสินใจว่า มาเขียนในนี้ดีกว่า เฟสมันอาการหนัก เหลือบ่ากว่าแรง ที่จะเยียวยาแล้วจริงๆ
ไปบริจาคเลือดมา .... เป็นครั้งที่ 4 แล้ว
เมื่อก่อนเคยแต่ขายเลือด .... ตอนนี้ คิดว่าไปบริจาคดีกว่า ..... เพราะบริจาคเลือด เท่ากับ บริจาค อวัยวะ ต่อชีวิตคนอื่นได้อย่างอักโข
แต่เมื่อวาน ต้องเรียกว่า เป็นความมั่นใจที่ผิดๆ
เปรี้ยวจนเกินพอดี และเซลฟ์จนเกินขอบเขตจริงๆ สำหรับเหตุการณ์ครั้งนี้ ......
เพราะปกติ มนุษย์จะมีเลือดในร่างกายประมาณ 5 ลิตรเท่านั้น แล้วมันเกิดอะไรขึ้น
ตั้งใจว่าจะไปบริจาคเลือดตั้งแต่ต้นปีแล้ว .... แต่ติดนั่น นู่น นี่ ไม่มีเวลาซักที ..... เมื่อวานได้โอกาสก็รีบไปโดยพลัน ..... หารู้ไม่ว่า ตัวเองแทบจะเกิดอาการ ดาบดิ้น สิ้น ชีวาวาย หุหุ
ตอนนั่งรถไปที่โรงพยาบาลก็ไม่มีอะไร .... แต่อยู่ๆเพิ่งสำนึกได้ว่า ตัวเอง อยู่ในช่วง On Pain Period (มีประจำเดือน) ....เลยคิดจะกลับลำ รักษาชีวิตตัวเองก่อนดีกว่า เพราะมันเพลียๆ ....
แต่คิดไปคิดมา .... ก็ไปต่อ เพราะขี้เกียจออกจากบ้านบ่อยๆ ....
มาแล้วก็อย่าให้เสียเที่ยวก็แล้วกัน
อีกอย่าง คิดว่า มันก็อยู่ช่วงตอนปลาย periods ไม่น่าจะมีอันตรายมากมาย
เมื่อมาถึงโรงพยาบาล
ว่าแล้วก็ให้ป้า เทคนิเชี่ยน เจาะเลือดทันที .....
ตอนแรกเจาะแขนขวา เลือดไม่ค่อยไหล ป้าก็พยายามเอามือกดเข็ม กระตุ้นเส้นเลือด เป็นระยะ แอบเจ็บน้ำตาคลอเบ้า ..... ป้าบอกว่า ตัวก็ใหญ่ ทำไมเลือดออกน้อย
เลยเสนอว่า .... หนูยืนเอาไหมคะ ความดันจะได้สูงๆ เลือดจะได้ไหลโกรก .....
ป้าฮา หัวเราะชอบใจ บอกว่า หนูเป็นคนใจดีนะ .... ขำด้วย หุหุ ปลื้ม
แต่ยิ่งเค้นเลือดก็ยิ่งไม่ออก .....
ตอนนี้เริ่มระแวง เป็นเพราะมีประจำเดือนแน่ๆ ความดันเลือดต่ำ เลือดเลยไม่ค่อยไหล
ได้เลือดแค่ครึ่งถุงเท่านั้น จะทิ้งก็เสียดาย เค้าเอาเฉพาะเต็มถุง
ป้าเลยบอกว่า ขอเจาะอีกแขนได้ไหม ...... คิดว่า ยังไงก็จะมาทำบุญ ไม่เป็นไรทนเจ็บได้ ชิลๆ สิวๆ ..... ป้าเลยใช้เข็มอันเดิมเจาะไป !!! โอ้ววววววววววววววววววว
อันนี้แหละ สุดยอดความทรมาณ แสบสะท้านโลกา เพราะเข็มที่ใช้แล้ว มันจะทื่อ ไม่คม โลหะจะเบียดกับเนื้อเยื่อประสาทมาก เจ็บ แต่เก็บไว้คนเดียว ไม่กล้าร้อง กลัวเสียฟอร์ม .....
ป้าพยายาม เขย่าถุง แต่เลือดก็ยังออกกระปริกระปรอย .....
นึกในใจ หรือว่า ร่างกาย มีแต่ น้ำเหลือง น้ำหนองแร้วฟระ ทำไมไม่มีเลือดเลย กรี๊ด ๆๆๆๆ
จิตเสียไปพักใหญ่
ป้าแอบบ่น .... ทำไมหนูเลือดไม่ค่อยออกเลยอะ เห็นป้าเริ่มเครียด
เลยบอกป้าไปว่า ..... เจาะเส้นแดง (Carotid Artery) ที่คอดีไหมคะเอาเลือดแดงไปผสม จะได้ มีสีสดใส ไฉไล เริงร่า ..... ปรากฏว่า ฮากันทั้งแผนก ...
..... คุณป้าชม หนูนี่ตลกดีนะ ขำอะ ป้าชอบ (เอ่อ เหมือนมาเล่นตลก พร้อมบริจาคเลือดยังไงไม่รู้ หนูไม่ใช่ตุ๊กกี้ ชิงร้อยนะป้าาา ..... )
นั่งลุ้นให้เลือดเต็มถุง .....
คิดในใจ ..... คราวนี้ ถ้ายังไม่เต็มถุงอีก จะเสนอให้ป้า เจาะที่ขาหนีบให้รู้แล้วรู้รอดไปซะ
คงสนุกกันพิลึก .....
แต่สุดท้าย เดชะบุญ ไม่ต้องถ่างขาให้ป้าเจาะ.....
ก็ได้เลือดเต็มถุงพอดี สีดำหน่อยๆ ทำลาบก้อยน่าจะแซ่บเวอร์
เดินออกมาจาก โรงพยาบาล
ดีใจกับเลือดเต็มถุงได้ไม่เท่าไหร่ .....
เริ่มรู้สึก
มึนๆ หวิวๆ ลอยๆ เบาๆ ฟ้าเหลือง ...... ขึ้นรถสองแถว น้องเค้าถาม พี่เป็นไรไหม หน้าซีดส์เชียว แทบจะเป็นลมจริงๆ แต่ก็แข็งใจ กระเสือกกระสน กลับมาจนถึงบ้าน
คิดในใจ ..... อาจารย์เคยบอกว่า ถ้าเสียเลือด 1 ใน 3 ของร่างกาย จะเกิดอาการช๊อค หมดสติ และต้องให้เลือดโดยด่วน ..... พยายามกินน้ำไปหนึ่งขวดใหญ่ ( นึกในใจ .... กรูจะละลาย พลาม่าให้เจือจางอีกทำไมวะ โง่นะเนี้ยะ )
1 ใน 3 ของร่างกายปกติ ที่มีเลือด 5 ลิตร จะประมาณ 1.6777777777 ลิตร
Ship !!!!! ..... บริจาคไป 450 ml
บวกกับที่เสียไป ในช่วง pain ประมาณ 50 CC เจี๊ยก !!!!!
เริ่มใจคอไม่ดี .....
นอนหมดอาลัยตายอยากบนเตียง
สภาพตอนนั้น เหมือนวิญญาณจะออกจากร่าง
มองไปรอบห้อง ฟ้ายังเป็นสีเหลือง บุษราคัม อร่ามตา อมะรา พิมาล อวตารสถิตย์ .... คิดในใจ ถ้าตายก็ได้เจอพระเจ้าแน่ๆ ได้สละเลือดเหมือนพระองค์เลย โลหิตของเรา จะทำให้บางคนรอด หุหุ
ตื่นขึ้นมาอีกทีตอน 4 ทุ่ม อาการดีขึ้น .... แอบดีใจ .... ยังไม่ตายอีกเหรอวะ
ตายยากส์นะเรา .... พยายามหาของเหลวทุกชนิดที่มีกลูโคสมาประทังชีวิต .....
นั่งๆไปซักพัก ..... ปวดท้องแซ่บซ่าน เลือด pain period ไหลซู่ซ่า
โอ้ววววววว นี่ยังเสียเลือดไม่พอใช่ไหม ????
อาการ มึน งง กลับมาอีกรอบ .....
มั่นใจว่าความดันเลือดในร่างกายน่าจะเรรวน
ไม่มีอาการเจ็บ
มีแต่อาการ อยากนอน อยากนอน อยากนอน อยากนอน และมือเท้าเย็นเฉียบ ....
แข็งใจพยายามไม่นอน .... หากลูโคสอัดไปเต็มพิกัด
(จริงๆ เป็นเรื่องพลาสม่า และฮีโมโกบิล ไม่เกี่ยวกับกลูโคสเลย) ..... แต่อารมณ์ตอนนั้นคิดว่า อัดไปให้อิ่ม .... ตายไปจะได้หลับสนิท ไม่หิวเวลาไปสวรรค์ .... เตรียมตัวให้พร้อม เผื่อระหว่างที่ไม่มีเซเว่น หรือปั๊มน้ำมัน ให้จอดแวะ หุหุ
.... 6.00 A.M. .... รอดตาย
สุดท้าย นึกภาวนาในใจ .... ทีหลัง จะไม่ทำอะไร สัปดน ประมาทและล้อเล่นกับชีวิต แบบนี้แล้ว
เอาละ .... จบที่ข้อควรรู้ของการบริจาคโลหิต
มาให้อ่านขำๆ เชฺิญชวนให้ไปบริจาคโลหิต ....
- ประชากรมนุษย์ มีกลุ่มเลือด O น้อยที่สุด
- แต่หมู่ O .... กลับมีผู้บริจาคมากที่สุด
- หมู่ AB หายากส์มาก และไม่ค่อยมีใครบริจาคเลย
- พ่อ A แม่ B ลูกมีโอกาสเป็น O ได้ .... อย่าเพิ่งเสียใจ คิดว่าเมียมีชู้
- หมู่ O Rh- และ AB Rh- ควรลงทะเบียนเอาไว้ เพราะเป็นหมู่เลือดหายากส์ เกิดอุบัติเหตุ จะได้โทรตามให้คนกลุ่มเดียวกันมาบริจาคให้ได้
- ต่างประเทศ เลือดขายกันถุงละ 4500-5000 บาท
- ประเทศไทย ห้ามซื้อขาย เลือดและอวัยวะ
- แต่เวลารพ.จ่ายให้คนไข้ มักเก็บเงินถุงละ 800-1000 บาท เป็นค่า อุปกรณ์ ตรวจโรค คัดกรอง ไม่ใช่ค่าเลือดนะคะ อย่าเข้าใจผิด !!!
- รพ.เอกชนบางที่ ย้ำว่าบางที .... มีการซื้อเลือดกันที่ถุงละ 500 บาท
- จากข้อบน ..... รพ.เอกชน จะนำมาขายที่ยูนิตละ เกือบ 5,000
- ตู้เย็นแช่เลือด ราคาเกือบ 100 ล้าน ( ซื้อ CT ได้ 2 เครื่อง )
- เลือดที่เราบริจาค อยู่ได้แค่ 35 วันเท่านั้น .... หลังจากนี้ต้องทิ้ง
- จากข้อบน .... เราควรไปบริจาคบ่อยๆ เก็บไว้ เผื่อคนที่เกิดอุบัติเหตุ จะได้ช่วยเค้าอย่างทันท่วงที
- เด็กที่เรียน เทคนิคการแพทย์ มักไม่ชอบบริจาคเลือด ทั้งๆที่เรียน Hematology มาจนคล่อง
- จากข้อบน .... เพราะเด็ก MT รู้ว่าเม็ดเลือดและเกล็ดเลือด ไม่ได้สร้างง่ายๆ ทุก 3 เดือน อย่างที่สภากาชาดไทยโฆษณา
- แต่สภากาชาด ต้องประชาสัมพันธ์ไปอย่างนั้น.... เพราะถ้าไม่มีคนบริจาค จะมีคนไข้ตายเนื่องจากขาดเลือด หมื่นๆ แสนๆ คน ต่อปี
- จากข้อบน .... แม้รู้ว่าเม็ดเลือดสร้างทดแทนได้ยาก แต่ชั้นก็ยังชอบและอยากบริจาคอยู่ดี
- บางทีถ้าเลือดหาไม่ได้ ..... เค้าจะขอจากนักโทษในเรือนจำ
- ดังนั้น ถือว่านักโทษบางคน ได้ช่วยชีวิตคนบริสุทธิ์มากมาย ขอที่ยืนในสังคมให้เค้าบ้างเวลาออกจากคุก !!!
- หรือถ้าไม่มีเลือด ก็ขอจากทหารเกณฑ์ในกองพัน .... (ทหารไทย ไฉไลสุดใน 8 โลก)
- ถ้าเลือดหาไม่ได้ ฉุกเฉินจริงๆ ..... ก็หมอนั่นแหละ เป็นคนบริจาคให้คนไข้ (ประเสริฐมาก ทั้งเก่ง ทั้งใจดี น่าสรรเสริญ )
- และบางที ก็พยาบาลหรือเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลนั่นแหละ ที่ให้เลือดคนไข้
- จากข้อข้างบน .... รู้แล้วก็อย่าไปเหวี่ยง วีน ใส่พยาบาล หรือเจ้าหน้าที่มากนักเวลาทำงานบริการไม่ได้ดั่งใจ สงสารเค้า
- บริจาคเลือด ครบ 10-20 ครั้ง ขอลดค่ารักษา ห้องพัก ได้จากโรงพยาบาลรัฐ
- บริจาคเลือด ครบ 50-100 ครั้ง ผ่าตัดหัวใจให้ตัวเอง หรือญาติฟรี .... ประมาณ 5 แสนบาท
- เวลาเลือกใครเป็นแฟน .... ควรถามด้วยว่าเคยบริจาคเลือดไหม .... ถือเป็นการ สแกนกรรมไปในตัว ....
- ถ้าเคยบริจาค แปลว่า เค้าน่าจะเชื่อถือได้เกือบ 70 %
- ถ้าให้ดี ชวนไปบริจาคด้วยกัน แล้วขอให้ส่งผลตรวจเลือดมาที่บ้านเรา
- คนที่บริจาคเลือดได้ ส่วนมาก ร่างกายสมบูรณ์ เหมาะที่จะดูแลเราได้
- ถ้าใครไม่กล้าบริจาคเลือด เพราะกลัวเข็ม แต่อยากทำบุญ แนะนำให้ซื้อถุงใส่เลือด และอุปกรณ์ ตรวจ .... แจกโรงพยาบาล
- หรือซื้อ Check Up Cost ก็ได้ ..... ราคาการตรวจคัดกรองเลือด 4 โรค ด้วยเครื่องประมาณ 500-1,000 บาทต่อถุง
- หรือถ้าใครรวยมากๆ แนะนำซื้อตู้เย็นแช่เลือด .... 100 ล้านเอง
- ปัจจุบันมีการวิจัยเลือดเทียมแล้ว .... แต่ได้แค่บางส่วน เช่น พลาสม่า
- วิจัย เม็ดเลือด และการทำเลือดปลอม ยังทำกันอยู่ คาดว่าถ้าสำเร็จ สามารถเอาเลือดเทียม แช่ตู้เย็นโตชิบ้า หรือ ใส่ตู้กับข้าวธรรมดาก็ได้ ประหยัดงบไปอีกเยอะ
- ประเทศไทย ยังไม่มีแลปพัฒนาเกี่ยวกะเลือดโดยตรง ....
- เลือดเทียมน่าจะขายดี เพราะไม่มีเชื้อโรค การเก็บรักษาไม่ยุ่งยาก ประหยัดงบประมาณ
- UCLA of America กำลังวิจัยเรื่องนี้อยู่ ญี่ปุ่นด้วย .... ถ้ามีเลือดเทียมขาย ต่อไป เราก็ไม่ต้องบริจาคกันแล้ว เฮๆๆๆ คนจะรอดตายอีกเยอะ
เอาเป็นว่า ว่างๆ ก็ชวนไปบริจาคเลือดดู .....
เจ็บนิด เจ็บหน่อย กับความสุขใจที่ได้มา ถือว่าคุ้มนะคะ .... ลองดู ลองดู
นี่ไงรูป แผลนิดเดียวเอง ..... หลังให้เลือดจะมีน้ำหวานกะขนมให้กินด้วย เผื่อใครหมดสติ อิอิ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น