อยู่สมุยมา 3 วันแระ .... พฤ ศ ส อ
เอาเถอะ ..... ตอนนี้มีปัญหาเรื่องเดียวคือ เรื่องที่อยู่อาศัย
หมายความว่า ไม่มีเงินค่าห้องเลย ถ้าจะอยู่ที่นี่ พี เอฟ อย่างน้อยต้องมีเงินจ่ายค่าห้อง 8,500
หรือถ้าจะไปเอาห้องถูกๆ อย่างน้อยก็ต้องจ่าย 3,000 บาท
ซึ่งยืมเงินน้ามาแค่ 2,000 บาท (ในความเป็นจริงเงิน 2,000 บาท อยู่สมุย 2 วันก็แทบจะหมดแล้ว)
กำลังคิดว่าควรจะทำอย่างไรดี .....
อยากทำงานนี้ไปนานๆ ไม่อยากเปลี่ยน ไม่อยากอะไรมากมาย
ประเด็นก็คือ .... กุส์จะไปอยู่ที่ไหนดี ....
เมื่อวานขณะไปหางานทำ ต๊อกๆ แต๊กๆ .... เจอร้านของพี่คนหนึ่ง
เค้าจ้าง Part Time 150 บาท ตอนดึก คิดว่าจะลองมาทำดู หาเงินปะทังชีวิต ในเดือนนี้
ถ้าเดือนนี้ผ่านได้ เดือนอื่นก็คงจะผ่านได้ดี
พี่เค้าใจดีมาก บอกว่า 2 วันจะติดต่อไปเดี๋ยวจะหางานสปาให้
ซึ่งอาจจะหมายความว่า พี่เค้า ..... อาจจะ ไม่ติดต่อ มา .....
แต่นั่นก็ไม่เป็นไร ..... เพราะน้ำใจแค่นี้ ก็ถือว่าดีถมถืดไปแล้ว สำหรับคนที่ไม่รู้จักกันเลย
บันทึกอันนี้ออกแนว ขมขื่น ......
กับสภาวะที่เราต้องเอาตัวรอด และต้องผ่านมันไปให้ได้ ในหนึ่งเดือนแรกที่จะทำงาน
เพราะถ้าเดือนนี้มันผ่านไปได้ เดือนอื่นๆ มันก็คงดีขึ้น
เหมือนการคลอดลูกนั่นแหละ .... อาจารย์บอกว่า ส่วนที่จะทำให้คุณแม่ทรมาณที่สุด คือการ คลอดเอาศรีษะเด็กออกมา หลังจากนั้น ก็จะสบายๆ ชิลๆ และ เป็นเรื่องการเลี้ยงดู
โทรหาเจ๊ พี่สาว ...... อืม พี่บอกว่า ต้องไปหาดใหญ่ ไปกทม. จ่ายค่าเทอมลูก มะเอาเงินไปทำบอลลูลปะ บลาๆ บลาๆก็ sad นะเพราะตอนที่มันบอกว่าจะไปนครราชสีมา ฉันยังให้ยืมตั้ง 2,000 เลย แต่เรื่องแบบนี้ อย่าไปโทษคนอื่นเลย ..... โทษตัวเราเองดีกว่า ที่ให้เค้ายืมทำไม ....
ทีนี้ ไม่ต้องคิดจะโทรหาน้องสาว .....
มันไม่คุยด้วยแน่นอน มัน เฟสตัวออกไปไกลขนาดนั้น ห่างกัน ลิบ ลับ ไมล์ แอบเสียใจ ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนก็เคยช่วยเหลือมันไว้ตั้งเยอะแยะ ค่ารถ ค่าบ้าน ค่าหอ แต่พอเราลำบาก กลับไม่มีใครอยากช่วยเลย เศร้าจริง
คิดอะไรแทบจะไม่ค่อยออก
มันปวดหัว ปวดตัวหนึบหนับ ไปหมด
วันนี้เลยขับมอเตอร์ไซค์ ไปที่โบสถ์ คาทอลิก ..... กะว่ามีที่อยู่อาศัย คนอดอยาก ไหมซักหนึ่งเดือนก็พอ ผลปรากฏว่า ...... อิแม่ชี ชักสีหน้าไม่พอใจ แล้วพูดว่า ..... ลองไปถามพนักงานเซเว่นดู อารมณ์ อิคนจน กรูส์ไม่ว่างคุยยะ ???? ...... เงิบไป 8 สเตป
ตอนนี้คิดไม่ออกจริงๆ ว่าจะทำอย่างไร
มีเครื่องคอมโน๊ตบุ๊ค หนึ่งเครื่องคิดว่า ..... อาจจะขาย หรือจำนำ เพื่อเอาเงินไปเสียค่าห้อง .... ลองดู ลองดู น่าจะโอเคร แต่ประเด็นคือ เครื่องคอมกรู ...... ราคา ซื้อมาหมื่นเดียว นั่นแปลว่า ..... ราคาที่เอาไปจำนำ น่าจะได้แค่ 2000 บาทเท่านั้นเอง ....
กรู เศร้าคะ กรูเศร้ามาก ........
พยายามคิดอย่างมีสติ คิดเป็นสเตป มีขั้นตอนมากที่สุด ...... คือ ......
รอพรุ่งนี้ ปรึกษา ไดอะน่า แล้วว่ายังไง ก็ค่อยว่ากัน เรื่องที่พัก
เสร็จจากนั้นถ้ามันไม่ไหว ......
กุส์จะไปขออาศัยแม่ชีอยู่ เอออ อยู่วัดนี่แหละ ไม่ต้องแกล้งถาม
หรือบางที อาจจะ ลองหางานที่มีที่พัก .... งานแม่บ้าน งานชนชั้นแรงงานที่มีที่พักให้
ชีวิตมันก็เศร้านะ
เกิดเป็นคนจนมันเศร้าาจริงๆ
ลำบากตั้งแต่เด็กจนโต จนเติบใหญ่ จนอะไรมากมาย
แต่ทุกปัญหา มีทางแก้ไขคะ ทุกวัน เราแก้มันได้
แค่มีสติ อดทน และตั้งใจ เราต้องทำได้คะ ต้องทำได้
วันเสาร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2557
วันจันทร์ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2557
Dear Diary ,,,, welcome to start new life at Samui
สวัสดี ไดอารี่ที่รัก .....
ช่วงนี้ไม่ได้เขียนไดอารี่เลย ไม่รู้เป็นไร ..... มันซึมๆ เชื่องๆ มึนๆ งงๆ อย่างไรก็ไม่รู้
เพิ่งกลับมาจาก เกาะสมุย แบบไปเช้าเย็นกลับ ..... เพื่อไปสัมภาษณ์งาน
เหนื่อยเตี้ยๆ ......
หากใครเข้ามาอ่าน ขอบอกเลยว่า อาการ Jet-Lack แมร่ง ยังไม่สะเทือนขวัญเท่า Ferry-Lack !!! (สลัด สัซพืช ... เหนื่อยแทบขาดใจ แต่นอนไม่หลับ เหมือนสมองเห็นแต่เส้นคลื่นสีฟ้า โยกเยกไปมา หยั่งกุกะกำลังเรียนวิชา signal ของวิศวะ เสพสมอารมณ์คลื่นทั้งหลายเหล่)
อะกรูท้าเรยยยย วัดใจ ลองดูคะ ลองดู ....ถ้าใครเจ๋ง เจ๊ท้าพะงันคะ พะงั้น แบบไปกลับ .... กุส์เคยลองแระ อ๊วกเป็นสีเขียว สลิ่ม อิ่มเอิบเรยทีเดียว
- 05.00 am .... นาฬิกา เสรือก ไม่ปลุก ....
- 07.00 am .... ตื่นด้วยสัญชาตญาณ ship-หาย ไปไม่ทันเรือเที่ยวแรกแน่ .....
- 08.00 am .... ในที่สุดก็ทัน ด้วยวิชา วิ่งผ่านน้ำ ซอยฝีเท้า ซ้อนมอไซค์วิน แมร่ง เหมือนสมัยยังทำงานแถวสุขุมวิทเรย ทุกกิจกรรมทำด้วยความเร็วแสง 3*(10^8) สกอยซ์ ตีนชง ชงกะตีนทุกคนที่เข้าใกล้ .... แหม่ๆๆๆ
- 10.30 am .... หิวเหมือนหมีกิสลี่อดอยาก แต่อาหารในเรือ ferry ราคาเท่าในเครื่องบินนกแอร์เลยคิดในใจ กุส์จะหนีของแพงจากกรุงเทพ มาเจอของแพงที่สมุย เพื่อ ????????
- 11.00 am .... นึกมาได้ว่าหมอยาเภสัช รับผู้ช่วยจัดยาในโกดัง (กุส์ออกจาเชี่ยว OTC) ว่าแล้วก็เลยไปทิ้งใบสมัครไว้ดีก่าาาาาา
- 12.00 am .... ถึงเกาะด้วยอนิสงค์ป้าที่นั่งข้างๆ ขึันรถต่อไปไกลแสนไกล เพื่อไปเขียนใบสมัครกะร้านหมอยาเภสัช ขอบคุณป้ามาก แอบซึ้ง
- 12.15 am..... บนรถสองแถว เจอฝรั่งหล่อม๊ากกกก .... กรุณาลากเสียงยาวๆ ว่าม๊ากกกกกกกก มีขนขาสีเหลือบเหลือง ใส่แว่นดำตะกั่ว ใส่เสื้อสีฟ้า ถือโมโตโรล่าเ หน้าตาดีแบบปลาหมอสีงานมังคุดหวานระดับตำบล สีสันน่ากินมาก (แอบสะกดอาการหื่นๆ อิอิเป็นโรคแพ้ฝรั่ง)
- 12.45 am ..... เข้าไปร้านหมอยาเภสัชเพื่อเขียนใบสมัคร พนักงานหัวเราะ กระซิกกระซี้ รี่ร่า แล้วมองเราแบบจิกๆ วงการ ดีเทลยาเป็นเยี่ยงนี้ เห็นสาว อวบอ้วนไม่ได้ ต้องแอบจิก (ส่วนมาก ยอด OTC มาจากยาลดความอ้วน และเสริมความงาม กุส์กลมเป็นคุ่ม แน่นอน ว่าย่อมโดนเหยียดหยาม แอบเบื่อ ="=)
- 12.50 am .... เขียนเสร็จใน 5 นาทีเร็วมาก เพราะไม่ตั้งใจเรย รู้สึกเสื่อมๆ นิดส์ เหมือนพนักงานไม่ให้เกียรติ แอบเศร้า เสียดายค่ารถ มาที่ร้านหมอยาเภสัช หมดเงินไปตั้ง ร้อยกว่าบาท แถมเสียฟามรู้สึกอีก
- 13.30 am .... เจอพี่เอ็กซ์เจ้าของโรงเรียนที่ไปสมัครงาน หน้าเจ๊อ่อนกว่าฉันซะอีก เจ๊แอบแซว ใบ certificate เยอะแยะนะคุณน้อง เจ๊เหมือนไม่อยากจะรับ แต่ก็ลองให้สอบสอน
- สรุป พี่เอ็กซ์ชมว่าสอนดีมาก แอบดีใจ
ตกลงเงินเดือน เรียบร้อย พอใจระดับหนึ่ง
อยากทำงานนี้ไปนานๆ แอบชอบ เจ้านายน่ารักดี สวยด้วย
ดูสดใส ยิ้มหวานเชียว นิสัยดีด้วย ปรบมือๆๆๆ
มาเจอน้องไดอาน่า ..... ลูกครึ่งอินเดีย จมูก น่ารักอะ ดั้งโด่งมาก เป็นอาจารย์ที่นี่เหมือนกัน
สรุป ....... โรงเรียนนี้มีครู 3 คน ....... พี่เอ็กซ์ น้องได๋ และนู๋บัว กะ ลูกศิษย์ฝรั่ง อีก5-6 คน Loneliness ยิ่งกว่า เรื่อง คิดถึงวิทยาซะอีก แมร่งงงงงงงง
- 15.30 ..... รอรถนานมาก ยืนครึ่งชั่วโมง แท๊กซี่ สมุยราคาแพงหยั่งกะรถบินได้ ประมาณพอขึ้นปั๊บ ปีกงอก ไอพ่นกระจายสลายร่าง เริ่มปวดหัวหงิดๆกับจินตนาการไร้บันทัดฐานของตัวเอง ยืน นาน ร้อนมาก หิวด้วย
- 16.00 ..... ลงเรื่อไปด้วยความโซซัดโซเซ ..... เหนื่อยมากไม่ได้กินข้าวตั้งแต่เช้า หิวแทบจะกระโจนลงไปไล่ล่าคาบโลมาในทะเล ลากขึ้นมากินบนเรือเฟอร์รี่ (แหมคิดไปได้นะกรุส์)
- 16.45 ...... เหม็นตีนน้องผู้หญิงที่นั่งข้างๆ หน้าตาก็สวย แต่เสือกถอดร้องเท้านั่งขัดสมาธิไม่เกรงใจใครเรยยยยย แถมกลิ่นเหมือนซากปลาเค็มบูด
- 16.55 ..... กุส์ลากสังขารอันเสื่อโทรม ไปนั่งหมดอาลัยตายอยากชั้นดาดฟ้า คนเดียว เงียบๆ
- เหม็นตีน-อิคนสวย หิวข้าว เมาเรือ ดีใจ หวาดหวั่น แอบกลัวอนาคต ทุกอย่างในสมองตีกันไปหมด .... คิดถึงสา คิดถึงคิว คิดถึงป่าน ทุกคนอยู่สมุยทั้งนั้น แต่ไม่กล้าโทรไปหา กลัวคนอื่นลำบาก นึกคิดตลอดทางว่ากุส์จะทำยังไง ที่จะมาอยู่ สมุยได้โดยไม่ต้องใช้เงิน ..... ปลอมตัวเป็นมิชชั่นนารีแล้วอาศัย โบสถ์คาทอลิกดีไหม ???? ไม่เอา ไม่ดี พระเจ้าตบกะโหลกแน่ๆ
- 17.00 .... มีฝรั่งเดินขึ้นมา อย่างหล่อ แบรดพิท ชัดๆ ใส่เสือยืดสีน้ำตาล ใส่แว่นดำ มือถือกระป่องเบียร์ อีกมือถือกล้อง ..... ตาประสานกัน ปิ๋ง ปิ๋งๆ (เค้าคงคิด อิอ้วนนี่มานั่งซึมทำไม ??? คนเดียว)
- นั่งอยู่ตรงนั้น มั่นใจว่า พี่แบรทพิท หันมามองบ่อยๆ ..... เลยฉีกยิ้ม แยกเขี้ยวไป ..... เฮ้ยยย เค้าแอบหัวเราะวะ ..... น่ารักชะมัด อืม อืม อืม อืม อืม .....
- คำเตือน ....
- การกินฝรั่งอาจจะทำให้เกิดการทะเลาะวิวาท และอาชญกรรม
- อย่าทำ อย่าทำ ภาวนาในใจเบาๆ
แดดส่องแรงมาก เลยหลบไปนั่งที่กราบเรือ ...... เจอ เฮียแบรทพิทอีก อร๊ายยย แอบ มะนม มโน
พอทีนี้คนเริ่มขึ้นมายั้วเยี้ย ...... เลยหนีไปนั่งที่ดาดฟ้า ด้านหน้าเรือ .....
พี่แบรทพิทก็เดินวนมาเจอกันอีกโดยมิได้นัดหมาย
หึหึ หึหึ หึหึ ........ ทีนี้เฮียเค้าถอดแว่นแล้วยิ้มเลย เว้ย เฮ้ยยยยยยยยยยยยย
เลยยิ้มตอบ ..... แค่นั้นแหละ จบ ไม่มีไรเรยยยยยยยยยยยยยยยยย
แต่มโนในสมอง เยอะแยะ แทบจะยาวเหยียดถึงงานแต่งงานระหว่างชั้นกะพี่แบรด อิอิ แขกเหรื่อในงาน เราจะแจก ไอโฟนจีน แบบก๊อปปี้ สี่ซิม ลงคริสตันเทียม เลี่ยมเปลือกมุก วะ ฮ่าๆๆๆๆ
เจิดคะ เจิด .............ไอเดียเริ่ด ไปห้าขุม ..............
(อิพี่แบรท นั่งไม่รู้ตัว แต่เจ๊อะ น้ำลายไหล ฟืดฟาด)
ถึงนครด้วยร่างที่แหลกลาญ ......เหมือนเป็นซากศพ ......
ปล. เดี๋ยวไปอยู่ สมุยจะมาอัพเดทอีก ....... ชอบๆๆๆๆ แต่ชอบพะงันมากกว่า
ปล.ที่ 2 ข้าพเจ้าสัญญาว่าจะไม่กินฝรั่ง ไม่อ่อย ไม่มอง จะทำแต่งานเท่านั้น สัญญาด้วยเกียรติ ลูกเสือสามัญ ขั้นสูง
ปล.ที่ 3 กลับมาโดนชายนิก เหวี่ยงใส่อีกแล้ว เกิดไรขึ้นอะ .... ไม่เข้าใจ งอลไรเจ๊
- ก็นิกมีแฟนแล้วไม่ใช่เหรอ ....
- ก็ชั้นตะหากไม่ใช่เหรอที่อกหัก
- ก็ชั้นเองไม่ใช่เหรอที่เจ็บปวดตลอดมา
- ก็ชั้นเองไม่ใช่เหรอ ที่ไม่รู้ตัวมากว่าหลายปี เรื่องนิก ไม่ใช่ปีเดียวอย่างที่แซวๆ กันหรอก
- ก็ฉันเองไม่ใช่เหรอ ที่เจ็บซ้ำแล้วซ้ำอีก โดนด่าซ้ำแล้วซ้ำอีก
- ก็ฉันไม่ใช่เหรอ ที่ได้รับบทเรียนเจ็บปวด
- ตั้งแต่ หนุ่มอเมริกา หนุ่ม แอลจีเรีย
- แล้วเหวี่ยงเพราะอะไร ..... โกรธใครมา นุกนิก เป็นไร งง
- ในเมื่อฉันก็ได้รับบทเรียนเยอะแล้วไห๊ม
- และเราควรจะแยกย้ายไปทำตามความฝันกันได้แล้ว รึเปล่า
- งานที่ดิฉันไปสัมภาษณ์มาก็ไม่ได้ หรูมากนะ ปกติ พื้นๆ เบๆ รายได้พอประมาณ
- แถมฉันก็ยืนยันชัดเจนว่า .... ไม่เอาไร ไม่เอาเงิน ไม่เอายศ ไม่เอาไรทั้งสิ้น
- และที่สำคัญ ........ ทุกคนก็มีแฟนแล้วทั้งนั้นไม่ใช่เหรอออออ
- ชั้นตะหากไหม ที่เจ็บคนเดียว
เจ็บนะ ...... เจ็บ ทุกที ....... เจ็บทุกทาง ...... เจ็บ ว้อยยยยยยยยย
แต่ไม่มีใครเข้าใจหรอก หอก หอก มากกก
สลัด สัตว์พืช
เอามอยส์ กุ คืนมาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา
ถอน มอยส์ ทามมายยยยยยย
วันพุธที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2557
Time to go out and Get to do some work
ถึงเวลาออกไปทำงาน ......
มันคงถึงเวลาแล้วจริง ที่จะต้องออกไปทำงาน
ไปสมัครงานไว้ บ้าง บางที่ เพื่อการเริ่มทำงานแบบจริงๆ จังๆ .....
เอาละ สู้ๆ
วันเสาร์ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2557
Pre - Article before writing "35 ความทรงจำ อันแสนสวยงาม"
วันนี้ กะว่าจะเขียนบันทึก นั่งระลึกตั้งแต่ตอนที่หลานๆ เข้ามาปลุกตอนเช้า ...... ว่าจะเขียนให้ได้
และพอจะเขียน ก็เหมือนจะมีคนมารบกวนตลอด เริ่มตั้งแต่ตอนที่นั่งดูหนังแล้ว
บางที ฉันเข้าใจว่าหลายคนหวังดี อยากให้เจอรักแท้
รักษาผลผระโยชน์ให้ฉันเผื่อจะได้เจอคน รวย หรู เริ่ด
แต่บอกตรงๆ หลายการกระทำ รู้สึกว่า ..... รบเร้าจนเกินเหตุ มากจนเกินพอดี ไปรึเปล่า
ฉันไม่ได้เหวี่ยง ไม่ได้วีน
แต่ในเมื่อ เราอยู่ในจุดของการเคารพ สิทธิซึ่งกันและกัน
การที่มาเฝ้าระวังพฤติกรรม เพื่อไม่ให้ฝ่ายตัวเองเสียผลประโยชน์
มันเกินจะทนทานจริงๆ
ก็เหมือนการเรียนในห้องนั่นแหละ ทุกคนตั้งใจเรียน ตั้งใจทำงาน อยากได้เกรดดีๆ
แต่ถ้าเพื่อน คนไหน เกาะติดสถานะการณ์แจ ไม่ปล่อย ไม่ยอมแพ้ จะทำให้เกิดบรรยากาศที่อึดอัด เซ็งกันหมด ..... ฉันรู้ดีเพราะเคยมีนิสัยแบบนี้มาก่อน ...... พยายาม สู้ๆๆๆๆๆ จนลืมมองไปว่า การกระทำของเรา ....... ทำให้กลืนไม่เข้า คายไม่ออก ระบาดไปทั่วทั้งสนามใช่หรือไม่ ......
ฉันเคยเจอเพื่อนคนหนึ่งสมัยมหาลัย (ชื่อ แอน Bio) เค้าได้ฉายานี้มาเพราะคะแนนวิชา Bio ได้เยอะที่สุดใน 3 คณะ เป็นคนเรียนเก่งมาก และนิสัยของแอนที่ถือว่าเปลี่ยนชีวิต ฉันไปเลยคือ
..... แอนตั้งใจ แต่แอนไม่เคยตั้งมั่น .....
ขยัน อ่านหนังสือ จดเลคเชอร์ เงียบๆ ไม่เสียงดัง ไม่หวือหวา ไม่กดดันใคร ไม่กดดันเพื่อน .... ตอนปีหนึ่งฉันเกลียดวิชา Bio มาก เรียกว่า แทบจะฟังไม่รู้เรื่องเลยแม้แต่ตัวเดียว อารมณ์นั้น อาจารย์ไม่แจกชีท ตัวเองก็จดไม่ทัน ...... เลยไปขอยืม เลคเชอร์แอน
แอนส่งให้แบบยิ้มๆ แล้วพูดว่า ..... ฝากซีร๊อกให้เพื่อนคนอื่นด้วยสิ (เพื่อนที่ว่าประมาณ เกือบร้อย ทั้งคณะเลยทีเดียว)...... เลยถามว่าทำไมไม่เขียนชื่อระบุที่ชีท ...... เพื่อเป็นการสงวนลิขสิทธิ์ และประกาศศักดานิดๆ
แต่แอนกลับพูดว่า ...... "อย่าเขียนเลยพร เราตั้งใจให้ แบ่งๆ กัน ! "
ผลสอบออกมา ผ่านจาก F อย่างฉิวเฉียด เพราะแอน ......
แต่สิ่งที่ฉันได้มากกว่านั้น
คือ การพยายามจนถึงที่สุด และให้รีบปล่อยวางทันทีเมื่อทำเสร็จ
ตอนนั้นจบใหม่ๆ แอนทำงานที่โตโยต้า
แอนยังถ่อมตนว่า ...... เราได้เงินเดือนจริงๆ แค่ 12,000 เอง
ทั้งๆ ที่จริงๆ โตโยต้า จ่ายโบนัสกันเกือบ 12 เดือน บวกค่าบ้าน ค่านั่น นู่น นี่ ซึ่งเยอะแยะมากมาย
เทียบกับงานแรกที่เค้าให้ฉันแค่ 8,500 บาท
แถมแอนยังพูดว่า ของเรานะ ถ้าเทียบกับของคนอื่นที่ทำ ไทยออย หรือ TOA ปตท. เราสู้เค้าไม่ได้หรอก พรก็สู้ๆนะ อย่าท้อ
ผู้หญิงคนนี้ เลือกที่จะให้คนอื่นมองชีวิตตัวเองแบบสบายๆ ชิลๆ
ไม่เครียด ตั้งหน้าตั้งตา ก้มหน้าทำสิ่งที่อยู่ตรงหน้าให้ดีที่สุด
พอเหนื่อยๆ ก็ยิ้มแหยๆ
ฉันไม่เคยลืมแอน
ทั้งๆ ที่แอน อาจจะจำฉันไม่ได้ด้วยซ้ำ
เอาเถอะ
มากไปก็ไม่ดี
น้อยไปก็ไม่ได้ ......
อยู่บนฐานของความปกตินั่นแหละ ดีแล้ว
และพอจะเขียน ก็เหมือนจะมีคนมารบกวนตลอด เริ่มตั้งแต่ตอนที่นั่งดูหนังแล้ว
บางที ฉันเข้าใจว่าหลายคนหวังดี อยากให้เจอรักแท้
รักษาผลผระโยชน์ให้ฉันเผื่อจะได้เจอคน รวย หรู เริ่ด
แต่บอกตรงๆ หลายการกระทำ รู้สึกว่า ..... รบเร้าจนเกินเหตุ มากจนเกินพอดี ไปรึเปล่า
ฉันไม่ได้เหวี่ยง ไม่ได้วีน
แต่ในเมื่อ เราอยู่ในจุดของการเคารพ สิทธิซึ่งกันและกัน
การที่มาเฝ้าระวังพฤติกรรม เพื่อไม่ให้ฝ่ายตัวเองเสียผลประโยชน์
มันเกินจะทนทานจริงๆ
ก็เหมือนการเรียนในห้องนั่นแหละ ทุกคนตั้งใจเรียน ตั้งใจทำงาน อยากได้เกรดดีๆ
แต่ถ้าเพื่อน คนไหน เกาะติดสถานะการณ์แจ ไม่ปล่อย ไม่ยอมแพ้ จะทำให้เกิดบรรยากาศที่อึดอัด เซ็งกันหมด ..... ฉันรู้ดีเพราะเคยมีนิสัยแบบนี้มาก่อน ...... พยายาม สู้ๆๆๆๆๆ จนลืมมองไปว่า การกระทำของเรา ....... ทำให้กลืนไม่เข้า คายไม่ออก ระบาดไปทั่วทั้งสนามใช่หรือไม่ ......
ฉันเคยเจอเพื่อนคนหนึ่งสมัยมหาลัย (ชื่อ แอน Bio) เค้าได้ฉายานี้มาเพราะคะแนนวิชา Bio ได้เยอะที่สุดใน 3 คณะ เป็นคนเรียนเก่งมาก และนิสัยของแอนที่ถือว่าเปลี่ยนชีวิต ฉันไปเลยคือ
..... แอนตั้งใจ แต่แอนไม่เคยตั้งมั่น .....
ขยัน อ่านหนังสือ จดเลคเชอร์ เงียบๆ ไม่เสียงดัง ไม่หวือหวา ไม่กดดันใคร ไม่กดดันเพื่อน .... ตอนปีหนึ่งฉันเกลียดวิชา Bio มาก เรียกว่า แทบจะฟังไม่รู้เรื่องเลยแม้แต่ตัวเดียว อารมณ์นั้น อาจารย์ไม่แจกชีท ตัวเองก็จดไม่ทัน ...... เลยไปขอยืม เลคเชอร์แอน
แอนส่งให้แบบยิ้มๆ แล้วพูดว่า ..... ฝากซีร๊อกให้เพื่อนคนอื่นด้วยสิ (เพื่อนที่ว่าประมาณ เกือบร้อย ทั้งคณะเลยทีเดียว)...... เลยถามว่าทำไมไม่เขียนชื่อระบุที่ชีท ...... เพื่อเป็นการสงวนลิขสิทธิ์ และประกาศศักดานิดๆ
แต่แอนกลับพูดว่า ...... "อย่าเขียนเลยพร เราตั้งใจให้ แบ่งๆ กัน ! "
ผลสอบออกมา ผ่านจาก F อย่างฉิวเฉียด เพราะแอน ......
แต่สิ่งที่ฉันได้มากกว่านั้น
คือ การพยายามจนถึงที่สุด และให้รีบปล่อยวางทันทีเมื่อทำเสร็จ
ตอนนั้นจบใหม่ๆ แอนทำงานที่โตโยต้า
แอนยังถ่อมตนว่า ...... เราได้เงินเดือนจริงๆ แค่ 12,000 เอง
ทั้งๆ ที่จริงๆ โตโยต้า จ่ายโบนัสกันเกือบ 12 เดือน บวกค่าบ้าน ค่านั่น นู่น นี่ ซึ่งเยอะแยะมากมาย
เทียบกับงานแรกที่เค้าให้ฉันแค่ 8,500 บาท
แถมแอนยังพูดว่า ของเรานะ ถ้าเทียบกับของคนอื่นที่ทำ ไทยออย หรือ TOA ปตท. เราสู้เค้าไม่ได้หรอก พรก็สู้ๆนะ อย่าท้อ
ผู้หญิงคนนี้ เลือกที่จะให้คนอื่นมองชีวิตตัวเองแบบสบายๆ ชิลๆ
ไม่เครียด ตั้งหน้าตั้งตา ก้มหน้าทำสิ่งที่อยู่ตรงหน้าให้ดีที่สุด
พอเหนื่อยๆ ก็ยิ้มแหยๆ
ฉันไม่เคยลืมแอน
ทั้งๆ ที่แอน อาจจะจำฉันไม่ได้ด้วยซ้ำ
เอาเถอะ
มากไปก็ไม่ดี
น้อยไปก็ไม่ได้ ......
อยู่บนฐานของความปกตินั่นแหละ ดีแล้ว
วันพุธที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2557
The Snow is Red หนังที่ดูกี่รอบ ก็ไม่เข้าใจซักที
มีหนังอยู่เรื่องหนึ่ง ชื่อว่า The snow is red ที่ดูมาตั้งแต่เด็ก หนังสือก็อ่านมาหลายรอบ แต่ไม่เคยเข้าใจเลยซักที ทำไม มนุษย์ถึงชอบทำอะไรที่เข้าใจยากส์เหลือเกิน แต่นั่นแหละ ..... เค้าถึงเรียกว่า ชีวิตมนุษย์
เรื่องนี้ เริ่มที่ นางมาร 3 Generations ยาย แม่ และ ลูกสาว เรียกว่าเป็นหนังที่เรียกน้ำตาได้ไปหลายโอ่ง กุไม่เข้าใจจริง ว่า อิเสี่ยวฟ่ง คิดอะรายกันแน่
เริ่มที่ รุ่นยาย แม่เสี้ยวฟ่ง ...... เป็นนางมาร แต่ดันไปเผลอใจรักกับ หลวงจีน
เลยได้เสีย เป็นเมียผัว แต่ด้วยความที่เป็นหลวงจีน ครองบรรพชิต ไม่สามารถสร้างครอบครัวได้แน่ๆ กับนางมาร ขาวย่อมไม่ผสมกับดำ ทั้งคู่เลยตัดสินใจ ...... ประลองวิทยายุทธิ์กันจนตาย แล้วเหลือ พยานรัก คือลูกสาว ให้เพื่อนของหลวงจีนไปเลี้ยงดู
รุ่นที่ 2 รุ่นแม่ นางชื่อเสี่ยวฟ่ง .....
เสี้ยวฟ่ง ถูกอาจารย์(ก็เพื่อนของพี่หลวงจีนนั่นแหละ) เลี้ยงมาตั้งแต่เล็ก ด้วยความที่ขาดความรัก เลยเผลอไปรักอาจารย์ของตัวเอง อืมมมม ไม่ต้องเดา ทั้งคู่ xxx กัน ทำให้เสี้ยงฟ่งตั้งท้อง แต่อาจารย์กลับทำร้ายจิตใจเธอด้วยการไม่สนใจ ไม่ดูแล และกลับพูดว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้น ..... ระหว่างคืนนั้น มันคือความผิดพลาด
อืม พลาดมาก เพราะได้กันแค่ครั้งเดียว แต่เสี่ยงฟ่งท้องลูกแฝด !!!!! (อิแฝดสองคนก็หน้าตาไม่เหมือนกันเรย แปลกใจนิดส์ๆ)
ต่อมา เสี้ยงฟ่งแค้นอาจารย์มาก จึงขโมยสุดยอดเคล็ดลับวิชา และยาคงกระพัน ฝึกฝนจนได้เป็นนางมารระดับต้นๆ ของสังเวียน แล้วฉาก สะเทือนขวัญก็บังเกิด เมื่อนางมาร ต้องมาต่อสู้กับอาจารย์ตนเอง ที่เป้นทั้งคนรัก คนที่เคารพ และคนที่ทรยศ ในร่างทรงเดียวกัน ..... น้ำตาไหลเป็นสายเลือด
สรุป เด็กแฝดทั้งสองคน ถูกแยกกันเลี้ยง
- คนโต ..... มารเสี่ยวฟ่งเป็นคนเลี้ยง
- คนเล็ก ..... เพื่อนชายที่แอบรักพญามาร เอาไปเลี้ยง
รุ่นที่ 3 รุ่นลูก รุ่นนี้แหละ เสียน้ำตาไปหลายโอ่ง
คนพี่ที่อยู่สำนักมาร น่าสงสารที่สุด เพราะดูจะเป็นคนเก็บกดนิดๆ เนื่องจากถูกเลี้ยงมาให้รับตำแหน่งเจ้าสำนัก มีความโหด เถื่อน และเด็ดขาดในตัวนาง ที่สำคัญ ชีชอบเป่าขลุ่ย ซึ่งทำให้อิชั้นชอบการเป่าขลุ่ยที่สุดในสมัย ม.2
ส่วนคนน้องก็ไม่ต้องสาธยาย เกิดมาสดใส สวยแป๊ว น่ารัก น่าทะนุถนอม เพราะโดนเลี้ยงมาด้วยความรัก ความจริงใจ ครอบครัวอบอุ่น มีวิทยายุทธิ์บ้าง
ใช่ !!!!!! เวรกรรมเกิดขึ้นอีกรอบ
เมื่อแฝดพี่ ดันไปเจอคนรักของแฝดน้อง ตอนแรกคนรักของแฝดน้อง ออกแนวเกลียดพี่ด้วยซ้ำ แต่สุดท้าย ผู้กำกับก็หักมุม
แฝดพี่ ดันได้เสียกับคนรักของน้อง ตั้งครรภ์ ทั้งๆที่ไม่รู้เลยว่า
ผู้ชายคนนี้ ฉันกำลังจะแย่งน้องมาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา โอ้ยยยยย เศร้า
นางมารู้ความจริงว่า ..... กำลังทำร้ายคนอื่นก็รีบตัดใจ
แต่ก็ไม่ทัน เพราะอิแม่ ที่เป็นนางมารเจ้าสำนักดันรู้ซะก่อนว่าท้อง
เลยสั่งให้นางเอกไปฆ่า อิผู้หญิงคนนั้น ที่เป็นขวากหนามหัวใจทิ้ง (T_T) ใจคอเมริงจะฆ่าลูกตัวเองได้ลงคอเชียวรึ อิเม็ดมะยม !!!!
แต่นางเอกก็ไว้ชีวิต แฝดน้อง ...... แต่ก็ยังไม่ยอมบอกว่า ตูนะพี่เมริงนะ
เอาสั้นๆ สรุป สุดท้าย ......
แฝดพี่ยอมเสียสละชีวิต ตายแทนน้อง
เพราะฝีมืออิพระเอก ซัดพลังลมปราณจนนางเอกแท้ง และตายหงายเงิบในที่สุด
พระเอกก็ตกใจ อ้าวเหี้ยะแร้ววววว เพิ่งรู้ว่า she ท้อง ดันใส่พลังไปไม่ยั้ง เมียกุ แท้งรึนี่ นั่งร้องไห้ ข้างศพนางเอก ประมาณว่า เพิ่งรู้ใจตัวเองว่ารักเค้ามากเท่าไหร่ .....
เวรกรรม ดูกี่ที อ่านกี่รอบ ก็ไม่เข้าใจ ทำไม มนุษย์ รักกัน แต่ไม่บอกกัน ...... เศร้า
ไปดูนะ the snow is red ลองดุนะ ลองดู
ช่วงนั้นรีบกลับบ้านทุกวันมาเกาะขอบจอรอดู ชอบมากๆ แถมแอบจิ้นว่าตัวเองเป็นนางเอก อิอิ
ดิฉัน เป็นมาร ชอบๆ
วันพฤหัสบดีที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2557
การพิมพ์ ไม่ใช่ การเขียน
ว่าด้วยเรื่องของ พูด-ฟัง-อ่าน-เขียน
ตามหลัก ภาษาศาสตร์ แล้ว การพิมพ์มิใช่การเขียน
การพิมพ์คือการพิมพ์ ที่ไม่ได้ แสดงออกด้วยลายมือ
ถือเป็นสัญญาที่เอามาผูกมัดตัวทางกฎหมายมิได้ เมื่อยังมิได้ลงลายเซ็นต์ หรือ ลงชื่อ
ดังนั้นตามทฤษฎีของฉัน การพิมพ์ ไม่นับจริงๆ ว่าเป็นการเขียน
เหมือนที่ทางการแพทย์ แยก การหลับ การนอน และการสลบ ออกจากกัน
เพราะแม้ผลการแสดงออกทางร่างกาย จะเหมือนกัน คือ ตาปิด
แต่จริงๆ แล้ว การทำงานภายใน แทบจะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
แล้วทำไมต้องกล่าวถึงการพิมพ์
เพราะการพิมพ์เป็นการเพ้อเจ้ออย่างมีศิลปะที่สุด สำหรับมนุษย์
การพิมพ์ มันเป็นอีกระดับหนึ่ง ที่สูงกว่า การพูด ฟัง อ่าน เขียน
มีนิทานเรื่องหนึ่ง จากมโหสดชาดก
ผู้หญิงสองคนอ้างตัว เป็นแม่ของเด็กทารก ตกลงกันไม่ได้ซักที
ว่าแล้ว มโหสด ก็ให้ทั้งคู่ ลงมือ จับ แขน ขา แล้วให้ดึงแย่งกัน
ปรากฏว่า
คนที่เป็นแม่จริงๆ รีบปล่อยเด็กน้อยทันที เมื่อเด็กน้อยส่งเสียงร้องไห้
ส่วนนางยักษ์ กลับลงมือแย่งชิง อย่างไม่ลดละ
ถ้าให้คน 4 คน ลงมือ แย่ง ชิง สิ่งของซักอย่าง
เชื่อฉันไหม ว่าคนที่ปล่อยลำดับ 2 จะเป็นคนที่รักคุณที่สุด
เพราะ
ฉันจะตัดสินให้คนที่ปล่อยมือ ลำดับ 2 หรือ 3 ได้สิ่งนั้นไป
ถ้าคุณเห็น ช่วยบอกฉันด้วยนะ ว่าใครกันที่จับฉันจนแน่น
ฉันจะได้บอกให้เค้า ปล่อยหน่อยเถอะอย่ายืนที่ตำแหน่งหลงเลย
เอาเบาๆ เถอะ .....
ตามหลัก ภาษาศาสตร์ แล้ว การพิมพ์มิใช่การเขียน
การพิมพ์คือการพิมพ์ ที่ไม่ได้ แสดงออกด้วยลายมือ
ถือเป็นสัญญาที่เอามาผูกมัดตัวทางกฎหมายมิได้ เมื่อยังมิได้ลงลายเซ็นต์ หรือ ลงชื่อ
ดังนั้นตามทฤษฎีของฉัน การพิมพ์ ไม่นับจริงๆ ว่าเป็นการเขียน
เหมือนที่ทางการแพทย์ แยก การหลับ การนอน และการสลบ ออกจากกัน
- แบบไหนเรียกว่า หลับ
- แบบไหนเรียกว่า นอน
- และแบบไหนเรียกว่า สลบ
เพราะแม้ผลการแสดงออกทางร่างกาย จะเหมือนกัน คือ ตาปิด
แต่จริงๆ แล้ว การทำงานภายใน แทบจะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
แล้วทำไมต้องกล่าวถึงการพิมพ์
เพราะการพิมพ์เป็นการเพ้อเจ้ออย่างมีศิลปะที่สุด สำหรับมนุษย์
การพิมพ์ มันเป็นอีกระดับหนึ่ง ที่สูงกว่า การพูด ฟัง อ่าน เขียน
มีนิทานเรื่องหนึ่ง จากมโหสดชาดก
ผู้หญิงสองคนอ้างตัว เป็นแม่ของเด็กทารก ตกลงกันไม่ได้ซักที
ว่าแล้ว มโหสด ก็ให้ทั้งคู่ ลงมือ จับ แขน ขา แล้วให้ดึงแย่งกัน
ปรากฏว่า
คนที่เป็นแม่จริงๆ รีบปล่อยเด็กน้อยทันที เมื่อเด็กน้อยส่งเสียงร้องไห้
ส่วนนางยักษ์ กลับลงมือแย่งชิง อย่างไม่ลดละ
ถ้าให้คน 4 คน ลงมือ แย่ง ชิง สิ่งของซักอย่าง
เชื่อฉันไหม ว่าคนที่ปล่อยลำดับ 2 จะเป็นคนที่รักคุณที่สุด
เพราะ
- คนที่ปล่อยคนแรก อาจจะไม่ได้รัก ..... เค้ารีบปล่อย เพราะสงสาร และไม่อยากต่อสู้เพื่อคุณ
- ส่วนคนที่ปล่อยคุณคนที่สอง นี่แหละเค้าที่จะรักคุณจริงๆ พยายามต่อสู้ แต่เพราะทนเห็นคุณเจ็บปวดไม่ได้ จึงต้องตัดใจปล่อย
- คนที่ปล่อยคุณ ลำดับ 3 อาจจะรักมากๆ พอกับลำดับ 2 เพียงแต่ เค้าโกรธและอยากเอาชนะ จึงดึงคุณอย่างแรง แต่แล้วก็ทนทำร้ายคุณไม่ได้ เลยต้องปล่อย เช่นกัน แม้จะพยายามสู้เต็มที่
- ส่วนใครที่ไม่ยอมปล่อยคุณเลย นั่นแหละ น่ากลัวที่สุด เค้าจะยืนอยู่ใน คำว่า หลง จนไม่ยอมให้คุณไปไหน แม้คุณจะร้องไห้ ควรญคราง เจ็บปวด เลือดไหล ซักแค่ไหนก็ตาม เค้าก็จะบีบคุณไว้ อย่างแน่น ไม่เลิกลา
ฉันจะตัดสินให้คนที่ปล่อยมือ ลำดับ 2 หรือ 3 ได้สิ่งนั้นไป
ถ้าคุณเห็น ช่วยบอกฉันด้วยนะ ว่าใครกันที่จับฉันจนแน่น
ฉันจะได้บอกให้เค้า ปล่อยหน่อยเถอะอย่ายืนที่ตำแหน่งหลงเลย
เอาเบาๆ เถอะ .....
วันจันทร์ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2557
Human Being
อีกไม่กี่วัน ก็จะไปสอบ อบจ. ไม่รู้จะสอบได้ไหม
แอบหวังลึกๆ ว่าไม่อยากได้ เพราะดิฉันไม่เหมาะจะทำงานด้านการป้องกัน รักษา และเฝ้าระวังหรอก
แถมคนสมัครยังมีเยอะซะเกือบ 300
เลขที่สมัครก็ระทึก ครึกโครม คือ 121 (เป็นตัวเลขที่น่ากลัวมาก ป้ากลัวเลข 2 จริงๆ สาบานเถอะ)
อยากได้ 3 หรือ 4 หรือ 6 และ 9 ซะมากกว่า .... 5 ก็โอเคนะ กำลังงดงาม
จริงๆ พี่ดำบอกว่าให้อยู่บ้าน
(ก็แอบเอาใจช่วยพี่ดำนะ ไม่อยากสร้างปัญหามากมาย ถ้าจะให้มันเยอะ ก็เยอะที่บ้านนี่แหละ อย่าไปรบกวนคนอื่นเลย)
แต่อยู่บ้านก็ไม่ค่อยได้ทำอะไร
สิงสถิตย์ อยู่แต่ในห้องนอน อารมณ์ชมพู เคียงคู่คุณหมอตลอดเวลา
มีแต่คนบอกให้ลดความอ้วน
เราก็เนอะ ไม่ลด ..... เหมือนชีวิตสับสน อยากอยู่กับอะไร ..... อ้วนดำ ตลอดไป
เค้าบอกให้เลือก ขาวใส อมชมพู ก็ไม่เชื่อ
แล้วมันก็วนมาที่ประเด็นเดิม ถ้าไม่ชอบสีชมพู แล้วทำไมเลือกที่อยู่ในห้องนอน
(อืม แล้วจะให้ไปนั่งเล่นในน้องน้ำรึไง)
ส่วนห้องข้างล่างก็มีแต่เสียงรถผ่านไปมา ครึกครื้น รื่นเริง โปงลาง
ก็เหลือแต่ชั้น 4 ห้องพระ
อืมๆ ว่างๆ จะเดินไปเล่นที่ห้องพระ
ฉันไม่เคยมีปัญหาหรอกนะว่าจะอยู่ที่ไหน ไม่เป็นคนเรื่องมาก เรื่องการใช้ชีวิต
เพื่อนที่คบๆ ก็เลือกมาแต่คุณภาพ (กรุณาดูภาพเพื่อนชั้นแต่ละคน ฮาได้สุดๆ หน้าตาภายนอกไม่ดี แต่ใจข้างในนี้ นิสัยดีมาก เอากีรพัฒน์เป็น บรรทัดฐาน หึหึ )
บางทีก็แอบคิดนะ ..... ถ้าเราสวยก็ดีสิ หนังเรื่องนี้จะได้ดู สมเหตุสมผลหน่อย
แต่นี่ โหวววว อืม หน้าตาพริตตี้ งานโอท๊อปชัดๆ หนึ่งตำบล คนขี้เหร่
ช่วงหลังนี่ เดี๋ยวถ้าทำไร จะไปอัพไปบน ตารางชีวิต
เพราะเหตุผลเดียว คือไม่อยากให้ใครต้องลำบากมากมาย
และที่สำคัญ ฉันยังเป็นมนุษย์คนหนึ่ง
ที่บางวันก็อยากอ่านหนังสือ บางวันก็อยากดูหนัง
บางวันก็อยากขัดห้องน้ำ บางวันก็อยากล้างจาน
บางวันก็อยากกินหวาน กินเผ็ด กินเปรี้ยว กินจืด
เพราะร่างกาย และ ชีวิต มันยังมีความเป็น Human Being
ส่วนการต้องอยู่ร่วมกับคนอื่น
โดยที่เธอก็ไม่เครียด ฉันก็ไม่ทุกข์
สบายๆ ชิลๆ นั่งหัวเราะกันขำๆ หลังไมค์
คือการ .... คุยกันดีๆ พูดกันซักคำ
ได้ หรือ ไม่ได้ก็ ตกลงกัน ไม่ต้องใช้อารมณ์
มันเหนื่อยไหมละ ก็แก่ๆ กันแล้วทั้งนั้น หึหึ
จะพยายามบอกกันล่วงหน้า
เคล็ดลับการอยู่ด้วยกันแบบให้มีความสุข
สื่อสารกันสิ แค่นี้เอง
วันอาทิตย์ที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2557
ผมจะไปแล้วนะ
เมื่อคืน ..... ฝัน ..... ว่าเห็นลูกแก้ว อีกแล้ว หึหึ ....
หยั่งกะหนังเรื่อง บอดี้ศพ 13 (ชื่อดาราราย ตามหาให้เจอ เหมือนโดนสะกดจิต โดนเวทย์มนต์)
เป็นอะไรกับลูกแก้วนักหนาก็ไม่รู้ ..... ฝันบ่อยมาก
บ่อยจนเรียกว่าแทบจะหลอน !!!
เพียงแต่คราวนี้ ..... มันน่ากลัวกว่าทุกครั้ง
บัว .... ผมบอกให้วางลูกแก้ว
ทำไมอะ .... (ชั้นถาม)
ผมบอกให้วางก็วางสิ
ไม่ ..... (ชั้นดื้อ ไม่วาง แถมมือกำลูกแก้วแน่นเชียว)
งั้นผมก็ช่วยอะไรคุณไม่ได้แล้ว
หมายความว่าไง .... (ชั้นถามอีกรอบ)
บัว หลังจากนี้ ดูแลตัวเองนะ
คุณจะไปไหน ? (ชั้นถามแบบโง่ๆ งงมาก)
บอกไม่ได้ผมบอกได้แค่ว่า .... "คุณต้องดูแลตัวเอง" .....
แล้ว ..... ก็ตื่น .... ด้วยความมึนๆ
ที่เขียนไว้ในเฟส มีแค่นี้
แต่ความจริงในฝัน .....
ชั้นกำลูกแก้วแน่น จนแตกละเอียดคามือตะหาก เลือดออกเต็มไปหมด
น่ากลัวชะมัด !!!!
ผู้ชายคนนั้นก็ไม่อยู่ ......
ลูกแก้ว ก็อาจจะแตก ...... แล้วจะโดนไรอีกไหมวะ ?
...... Body ศพ 13 ชัดๆ ....
ไปดีกว่า .... แอบกลัว
วันศุกร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557
กลับบ้านเถอะ .... วันนี้ชั้นอยากอยู่เงียบๆ
กลับบ้านเถอะ ..... วันนี้ชั้นอยากอยู่เงียบๆ
ครั้งหนึ่งตอนเรียนของอาจารย์ ปูม .... ชั้นสอบตก ได้ เกรด D-Dog มาครอบครอง .....
จ้อม เป็นคนติวให้ .... แต่ตอนนั้นมันไม่ไหวจริงๆ ไม่สบาย ถึงขั้นนอนโรงพยาบาล
เลยไปสอบไม่ไหว .... ขาดสอบด้วย แต่อาจารย์ใจดี สุดท้ายไปสอบซ่อมคนเดียว และแม้จะพยายามอ่านหนังสือเท่าไหร่ .... แต่เกรดที่ได้คงไม่เกิน C (อาจารย์บอกตั้งแต่แรกที่ขาดสอบ)
ชั้นเดินออกมาจากคณะ แบบซึมๆ ......
ไอ้จ้อม ..... มองตามมาเงียบๆ เหมือนจะเข้ามาปลอบ
แต่จากปฏิกิริยาของชั้น ..... มันคงเดาออก ..... ประมาณว่า
พวกแกร์ กลับบ้านไปเถอะ
ชั้นอยากอยู่เงียบๆ
ชั้นไม่ได้เป็นอะไร ..... ไม่ได้ร้องกรี๊ดๆ เสียใจ สะเทือนขวัญ
ชั้นแค่มองตาไอ้จ้อม ..... เหมือนจะพูดว่า ปล่อยชั้นซักพักเถอะแกร์ .... ชั้นโอเคร
จ้อม กับ หมู เป็น Mate ร่วมห้องกัน
พี่หมูเป็นคนที่มีบุญคุณกับชั้นพอสมควร
พี่หมู ไม่เคยติว ไม่เคยสอน ไม่เคยยุ่งวุ่นวายกับชีวิตชั้นหรอก พี่หมูมักนั่งยิ้มขำๆ นั่งแซวชั้นเวลาทะเลาะกับไอ่จ้อมมากกว่า ..... แต่เชื่อไหม ..... แม้จะสนิทกับจ้อมขนาดไหน
เวลาไม่สบายใจ ..... ชั้นกลับนึกถึงแต่พี่หมู คนเดียวเท่านั้น
อืม ..... ถ้าใครเคยอ่านเอนทรี่นี้ ..... คงจะพอเดาๆได้ว่า
ชั้นเคยแอบชอบจ้อม ..... เพื่อนสนิท คิดไม่ซื่อ .....
แต่ตอนนี้ ไม่คิดไรแล้วจริงๆ เป็นเพื่อนเท่านั้น นั่งขำกับมันทุกวัน อินี่ก็แอบด่าชั้นตร๊อด !!!
แล้วเคยดูเรื่องเพื่อนสนิทไหม
พระเอกเรื่องนี้ ..... ชื่่อหมู ชั้นดูเรื่องนี้รอบที่ล้าน ..... เพราะติดใจกับประโยคที่ว่า
ดากานดา ชั้นรักแกร์วะ
แล้วทำไมเพิ่งมาบอกเอาตอนนี้ (นางเอกตอบ)
เรื่องนี้เศร้าอะ ...... เศร้ามาก
หมูรักเพื่อน .... แล้วทำไมไม่พูด ....
ดากานดาเลยคิดว่าที่หมูทำไปทั้งหมด เพราะแค่เพื่อน แค่ห่วงใย แค่คนสนิท แค่น้องสาว แค่สงสาร แค่อยากช่วย .... เห็นดากานดา ร่าเริง เลยอยากอยู่ใกล้ เห็นมันโก๊ะกัง เลยแหย่เล่น ไม่คิดไร
และที่สำคัญ .... หมูยังแนะนำผู้ชายอื่น ให้ดากานดาด้วย (เป็นชั้น .... ชั้นก็ไม่คิดหรอกว่าหมูจะชอบหรอก ก็ไม่เห็นมันพูดอะไรซักคำ)
สุดท้ายแล้ว....เรื่องนี้
หมูหนีไปอยู่ที่ เกาะสมุย หลังจากบอกรัก ดากานดา ใต้ต้นชงโคตอนสอบเสร็จ (เป็นไงเจ๊จำได้แม่นใช่ไหม แหมหนังในดวงใจ จะลืมได้ไง หึหึ) .....
ไปนั่งเขียนจดหมาย ทุกวัน ทุกวัน แล้วมโนไปว่า ..... ดากานดา ได้อ่าน
อืมจินตนาการเจิดกันทั้งเรื่อง
สุดท้าย ..... ดากานดา ก็ไม่ได้กับหมูหรอก พี่หมูได้กับคนอื่น
ถ้าชั้นเป็นนางเอกเรื่องนี้ ......
จะลากพี่หมูมาถามตรงๆ มองตามันชัดๆ
แกร์ชอบชั้นปะว่ะ หมู !!!!!!!!!!!!!! ..... ตอบ ?
หรือถ้าชั้นเป็นพระเอก .....
ก็จะตบกะโลหก นางเอกซักที แล้วพูดว่า หยุดเล่นได้แล้ว ดากานดา มองตาชั้นสิ
ชั้นชอบแกร์ !!!!!!!! เลิกทำเป็นไม่รู้ตัวซักที ???
เสียแต่ว่า ..... ชั้นไม่ใช่นางเอก และไม่ใช่พี่เอส คมกริช ที่เขียนบทด้วย นะสิ
เลยได้แต่นั่งดู ..... ทั้งคู่ เพ้อเจ้อและพลัดพรากจากกันในที่สุด ..... หุหุ
วันนี้ ..... กลับบ้านกันไปเถอะ ......
ชั้นไม่่ดู กุหลาบร้ายของนายตะวัน ไม่ดูสามีตีตรา หรอก ไม่ต้องคอย ..... เดี๋ยวว่างๆ จะทำตารางให้ คนอื่นจะได้ไม่ต้องรอ โอเครไหม กลับบ้านไปพักผ่อนเถอะ
ชั้นจะดู เรื่องเพื่อนสนิท .....
ปล....... ซันนี่ กับบทของพี่หมู มันไม่ค่อยเข้ากันเนอะ
อยากได้อนันดา มากกว่า คุณว่าไหม ......
แม้จะรู้ว่าสุดท้าย ..... ทั้งคู่จะไม่ได้กัน ......
แต่มันก็สนุกทุกที ที่ได้ดูไม่ใช่เหรอ ?
วันพฤหัสบดีที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557
Lucky Number
เลขนำโชค ^_^
มาอัพเบาๆ ก่อนดูเรื่อง กุหลาบร้ายของนายตะวัน ......
วันนี้ มาอัพเรื่อง ...... เลขนำโชค ......
สมัยเรียนมหาลัย ..... คุณจำได้ไหมว่า ..... มีเลขประจำตัวอะไร .....
ทุกคนคงจะจำได้ดี ...... เรียกว่า เลขประจำตัว คือ หมายเลขลิขิตชีวิตก็ว่าได้
ใช่คะ เลขประจำตัว ดิฉันคือ ..... 4508069
45 คือ ปีที่เข้าศึกษา = 2545
08 คือ รหัสคณะ = สาธารณสุขศาสตร์ตั้งเป็นอันดับ 8 ของมหาลัย (อันดับหนึ่งเป็นแพทย์ศิริราชคะ)
ส่วน 3 ตัวหนังสุดท้าย .....
นี่แหละคะ ที่เราเรียกกันว่า .... เลขประจำตัว
อะนะ .... อย่าเพิ่งฮา หึหึ
ดิฉันมีเลขสามตัวสุดท้าย 069 จริงๆ คะ +"+
(อืมมมมม หนุ่มๆ ยิ้มกันใหญ่ ฮึฮึ)
สมัยเรียน ดิฉันไม่เคยมีปัญหา ..... เวลาอาจารย์สุ่มตัวเลข เพื่อเรียกให้ตอบ หรืออกไปรายงานหน้าชั้น เพราะอาจารย์ ทั้ง สาว หนุ่ม แก่ .... ไม่เคยเรียก เลขที่ 69 เล๊ย !!!!!!
โชคดีชะมัด อิอิ
ใครจะกล้าเรียกละ ..... 69 (ออกแนวส่อไปนะ ถ้าจงใจเรียกเลขที่นี้ )
เอาเป็นว่า เทอมแรกที่เรียน ..... อายมากกกกกกกกกกกกก
คือ ..... พอลงแลป แล้วเพื่อนผู้ชายมันเห็น เรานั่งโต๊ะ 69 ทุกคนจะยิ้ม
ตอนนั้นก็แบ๊วเนอะยังเด็ก ม.6 เอง ..... เลยอายหน้าแดงมาก ....
อยากจะไปกองทะเบียน ขอเปลี่ยนเลขที่ แทบทุกวัน .....
หึหึ ..... แต่พอยิ่งโต ยิ่งกร้านโลก
เพราะ .... มันเป็นเหมือนความโชคดี ..... ที่อาจารย์ไม่เคยสนใจเลขที่นี้ สะใจจริงๆ !!!!!
และจะมีเพื่อนอีกคน คะ ..... เลขที่สลับกับดิฉันเลย
อะให้ทาย ..... ใช่คะ .... วัลลพ เลขที่ 096 ...... หึหึ
อืม วัลลพ ที่ตอนนี้เป็นแฟน เก๋ ลูกชื่อน้อง ตะลุยนั่นแหละ .....
วัลลพ จะยิ้มฮาๆ ทุกครั้ง ..... กับเลขของเราทั้งสองคน
อิฉันรอดตัว ........ ทุกที ..... เหอะๆ โฮ๊ะๆๆๆ
มาตอนนี้ .....
นึกไปกี่ทีก็ขำ เพราะเหมือนมันเป็นบทเรียนที่สอนให้เรารู้ว่า ....
อะไรก็ตาม ที่เรารู้สึกว่ามันแย่ในตอนแรก มันน่าอาย มันดูรูปชั่ว ตัวดำ
ไม่ดีเอาซะเลย ไม่ชอบ ไม่ใช่ ไม่อยากได้ แต่พออยู่ไปนานๆ เราจะพบว่า
สิ่งนั้นอาจจะมีดี ซ่อนอยู่ไม่น้อย ..... เหมือนเลข 69 .
แถมโต๊ะ 69 มักจะนั่งริม ลอกข้อสอบได้สะดวก สุดๆ คริคริ
เพราะ 6 และ เลข 9 ....... เขียนเหมือนกันเป๊ะ !!!!!
เพียงแต่สลับตำแหน่งหัว-หาง เท่านั้น
แต่คนไทยกลับรังเกียจเลข 6 เพราะความหมาย ตรงกับ การหกล้ม เททิ้ง หล่นหาย
ส่วนอีกตัว คือ 9 ..... คนไทยกลับชื่นชอบหนักหนา เพราะหมายถึง ความ ก้าวหน้า เจริญ รุ่งเรือง
หุหุ ..... ดิฉันซวยคะ มาทั้งคู่เลย .... ทั้ง 6 ทั้ง 9 .
ชีวิต เลย หกคะเมนตีลังกา ก้าวหน้า ก้าวหลัง ยิ่งนัก
เฮฮาได้อีก สวรรค์บันดาลชัดๆ .....
แต่ถ้าถามจริงๆ ว่าชอบเลขตัวไหน ตอบไม่ถูกคะ .....
แม้จะมีคนบอกเสมอว่า เลือก 1 เถอะ is king one ? ...... ชั้นกลับเฉยๆ .....
ตั้งแต่ 0-9 ...... ชอบเลขไหนมากที่สุด ก็คงจะเป็น ....... (ลุ้นละสิ) ไม่บอกดีกว่า .......
เอาเป็นว่าความน่ารักของ ทั้ง 6 และ 9 ...... ตอนสมัยเรียนอะ มันเฮฮาพอสมควร
..... จบดีกว่า ...... 69 my lucky number in memory ,,,,,
อืม >>>> 69 nice point ,,,and please stop yr imaginations 5555 + ,
มาอัพเบาๆ ก่อนดูเรื่อง กุหลาบร้ายของนายตะวัน ......
วันนี้ มาอัพเรื่อง ...... เลขนำโชค ......
สมัยเรียนมหาลัย ..... คุณจำได้ไหมว่า ..... มีเลขประจำตัวอะไร .....
ทุกคนคงจะจำได้ดี ...... เรียกว่า เลขประจำตัว คือ หมายเลขลิขิตชีวิตก็ว่าได้
ใช่คะ เลขประจำตัว ดิฉันคือ ..... 4508069
45 คือ ปีที่เข้าศึกษา = 2545
08 คือ รหัสคณะ = สาธารณสุขศาสตร์ตั้งเป็นอันดับ 8 ของมหาลัย (อันดับหนึ่งเป็นแพทย์ศิริราชคะ)
ส่วน 3 ตัวหนังสุดท้าย .....
นี่แหละคะ ที่เราเรียกกันว่า .... เลขประจำตัว
อะนะ .... อย่าเพิ่งฮา หึหึ
ดิฉันมีเลขสามตัวสุดท้าย 069 จริงๆ คะ +"+
(อืมมมมม หนุ่มๆ ยิ้มกันใหญ่ ฮึฮึ)
สมัยเรียน ดิฉันไม่เคยมีปัญหา ..... เวลาอาจารย์สุ่มตัวเลข เพื่อเรียกให้ตอบ หรืออกไปรายงานหน้าชั้น เพราะอาจารย์ ทั้ง สาว หนุ่ม แก่ .... ไม่เคยเรียก เลขที่ 69 เล๊ย !!!!!!
โชคดีชะมัด อิอิ
ใครจะกล้าเรียกละ ..... 69 (ออกแนวส่อไปนะ ถ้าจงใจเรียกเลขที่นี้ )
เอาเป็นว่า เทอมแรกที่เรียน ..... อายมากกกกกกกกกกกกก
คือ ..... พอลงแลป แล้วเพื่อนผู้ชายมันเห็น เรานั่งโต๊ะ 69 ทุกคนจะยิ้ม
ตอนนั้นก็แบ๊วเนอะยังเด็ก ม.6 เอง ..... เลยอายหน้าแดงมาก ....
อยากจะไปกองทะเบียน ขอเปลี่ยนเลขที่ แทบทุกวัน .....
หึหึ ..... แต่พอยิ่งโต ยิ่งกร้านโลก
เพราะ .... มันเป็นเหมือนความโชคดี ..... ที่อาจารย์ไม่เคยสนใจเลขที่นี้ สะใจจริงๆ !!!!!
และจะมีเพื่อนอีกคน คะ ..... เลขที่สลับกับดิฉันเลย
อะให้ทาย ..... ใช่คะ .... วัลลพ เลขที่ 096 ...... หึหึ
อืม วัลลพ ที่ตอนนี้เป็นแฟน เก๋ ลูกชื่อน้อง ตะลุยนั่นแหละ .....
วัลลพ จะยิ้มฮาๆ ทุกครั้ง ..... กับเลขของเราทั้งสองคน
- ลพ 096
- พร 069
อิฉันรอดตัว ........ ทุกที ..... เหอะๆ โฮ๊ะๆๆๆ
มาตอนนี้ .....
นึกไปกี่ทีก็ขำ เพราะเหมือนมันเป็นบทเรียนที่สอนให้เรารู้ว่า ....
อะไรก็ตาม ที่เรารู้สึกว่ามันแย่ในตอนแรก มันน่าอาย มันดูรูปชั่ว ตัวดำ
ไม่ดีเอาซะเลย ไม่ชอบ ไม่ใช่ ไม่อยากได้ แต่พออยู่ไปนานๆ เราจะพบว่า
สิ่งนั้นอาจจะมีดี ซ่อนอยู่ไม่น้อย ..... เหมือนเลข 69 .
แถมโต๊ะ 69 มักจะนั่งริม ลอกข้อสอบได้สะดวก สุดๆ คริคริ
เพราะ 6 และ เลข 9 ....... เขียนเหมือนกันเป๊ะ !!!!!
เพียงแต่สลับตำแหน่งหัว-หาง เท่านั้น
แต่คนไทยกลับรังเกียจเลข 6 เพราะความหมาย ตรงกับ การหกล้ม เททิ้ง หล่นหาย
ส่วนอีกตัว คือ 9 ..... คนไทยกลับชื่นชอบหนักหนา เพราะหมายถึง ความ ก้าวหน้า เจริญ รุ่งเรือง
หุหุ ..... ดิฉันซวยคะ มาทั้งคู่เลย .... ทั้ง 6 ทั้ง 9 .
ชีวิต เลย หกคะเมนตีลังกา ก้าวหน้า ก้าวหลัง ยิ่งนัก
เฮฮาได้อีก สวรรค์บันดาลชัดๆ .....
แต่ถ้าถามจริงๆ ว่าชอบเลขตัวไหน ตอบไม่ถูกคะ .....
แม้จะมีคนบอกเสมอว่า เลือก 1 เถอะ is king one ? ...... ชั้นกลับเฉยๆ .....
ตั้งแต่ 0-9 ...... ชอบเลขไหนมากที่สุด ก็คงจะเป็น ....... (ลุ้นละสิ) ไม่บอกดีกว่า .......
เอาเป็นว่าความน่ารักของ ทั้ง 6 และ 9 ...... ตอนสมัยเรียนอะ มันเฮฮาพอสมควร
..... จบดีกว่า ...... 69 my lucky number in memory ,,,,,
อืม >>>> 69 nice point ,,,and please stop yr imaginations 5555 + ,
วันอังคารที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557
หมอประเภทไหน ที่คุณ Like สุดๆ
อืมมมมมมม ....... บทความที่ไม่เกี่ยวกับ .... อะไรเลยยยย
แค่มาเมาท์เล่นๆ
อาจจะเพราะชีวิต ต้องทำงานด้านอุปกรณ์การแพทย์ และ ตลาดยาในโรงพยาบาลเยอะ
ถามมาสิ เคยช่วยเพื่อน ปล่อยของขายจากโรงพยาบาลมาแล้วทั้งนัั้น
(เหมือน พวกโจรเลยอะ ฮ่าๆๆๆ ปล่อยของลง OTC)
ดังนั้นแน่นอนว่า ชีวิต ..... ต้องเคย ปะ ฉะ ดะ กับหมอมาแล้วทุกแผนก
จิกกันจนน้ำลายแตกฟอง ฝอยกระเด็น เส้นเลือดกระจาด
แล้วหมอแผนกไหนละ ที่ พวกดีเทลยา ชอบเป็นที่สุด ?
เราโหวตกันว่า .......
หมอ MED น่ารักสุดจ้าาาาา (อันนี้คือผลโหวตโดยรวมนะ)
หึหึ ... เหตุผล .... หมอ Med ..... ใช้ยาเยอะสุด และใจดี ที่สำคัญ ไม่เคยตะคอกใส่ ผู้แทนยา (เริ่ดเนอะ)
ต่อมา ....
อันนี้ หมอประเภทที่ เจ๊ ชื่นชอบ คลั่งไคล้ มากสุด .......
บางคน เห็น เจ๊ชอบดูเกรย์ นึกว่าคงจะชอบ หมอสมอง หมอหัวใจ ศัลยกรรม หมอฟัน บลาๆๆๆ
หมายเหตุ .... อย่าลากไปเรื่อง แม๊ค ดรีมมี่ หรือ มาร์ค นะ ..... หยุดเรื่องนั้นไว้ก่อน ขี้เกียจแปล code
จริงๆ ..... ในฐานะการทำตลาดอุปกรณ์การแพทย์อย่างโชกโชน
ชั้นประทับใจ ..... หมอ Radio (หมอรังสี) และ หมอระบาด คะ ..... (ฮาไหม หึหึ)
บางคนอาจจะงงๆ หมอรังสีมีด้วยเหรอ ?
มีคะ แต่มีไม่เยอะ หมอรังสี อยู่โรงพยาบาลใหญ่เท่านั้น
หมอรังสี จะหน้าตาไม่เหมือน หมอ ..... จะ ซึมๆ มึนๆ งงๆ เหมือนพวกช่างถ่ายรูปมากกว่า ที่สำคัญ หมอรังสีจะมีอะไรแปลกๆ ในดวงตา (รังสีแกรมม่า แอลฟ่า เบต้า กระหน่ำแรงรึเปล่าก็ไม่รู้ ดูฮาๆ ดี)
และที่สำคัญ .... หมอ รังสี .... ว่างมาก !!!!!!!!!!!!!!!!!
ถ้าหมอศัลย เวลาเเป็นเงินเป็นทอง เราต้องพูดเร็วๆ อย่าช้า สั้นๆ อย่าเยอะ
แต่หมอรังสี ........... ว่างที่สุด
เคยถึงขั้น นั่งเชียร์บอล กับหมอในโรงพยาบาล มาแล้วทีเดียว
บางที่ .... เคยเจอหมอรังสี .... โหนขึ้นไปซ่อม เครื่องฟลู ที่เพดาน.....
จากนั้นกระโดน ตีลังกา 3 ตลบ ไปซ่อมเครื่องเอกซ์เรย์ !!!!
อืมมมมมมมมม ...... เหมือนเด็กช่างเทคนิคสุดๆ หยั่งกะเฉินหลง
เมื่อก่อน ของฝากที่หมอรังสี ชอบคือ ...........Marker คะ
อะนะ .... เด็กสมัยนี้อาจจะไม่รู้จัก .....
เพราะโรงพยาบาลใช้ Pack กันหมดแล้ว ระบบ Digital Image Processing
แต่ถ้าเป็นเครื่อง เอ็กซ์เรย์สมัยก่อน จะต้องมี มาร์คเกอร์โลหะติดฟิล์ม ระบุ ซ้าย ขวา
และมักจะหายบ่อยที่สุด ดังนั้น .....
หมอรังสี จะเดาใจไม่ยากส์ เอามาร์คเกอร์ไปฝาก จบ !!!
มีเวลาคุยนาน เมาท์กันสนุก ชอบดูบอล
หรือถ้าเป็นผู้หญิงก็จะเป็นคนที่ นิ่งๆ เรียบๆ ไม่เรื่องมาก (ร้อยละ 90 ใจเย็น)
ชอบ ล่งเล้ง ตะโกน โลดโผนสุด .... ต้องหมอกระดูกคะ ..... (นี่ก็ hardcore มาก !!!! )
นอกจากนี้ ..... แปลกเนอะ ....
หมอรังสี ทุกคน ชอบถ่ายรูป แถมถ่ายรูปสวยอีกตะหาก
และที่สำคัญ ..... เก่ง computer สุดๆ ..... ประทับจัยยยยยย
จบดีกว่า .... เดี๋ยวว่างๆ จะมาเมาท์ หมอระบาด
อะนะ .... เด็กสมัยนี้ อาจจะไม่รู้จัก เพราะ โรคระบาด หมดโลกไปแล้ว
แต่ถ้าได้คุย แหมมมมมมมมม หมอระบาดแต่ละคน
หยั่งกะนายพราน ....... เถื่อน และ ดิบ และ ฮาได้สุดๆ ......
หรือบางคนก็ออกแนว คุณชายไปเรยยยยย เหมือน นายธนาคาร ผสมนักสถิติ บัญชี
ปล. หมอระบาดไม่เคยซื้อของไรหรอก (คุยไปก็ไม่ได้ยอด)
หมอไม่เน้นรักษา เน้นทำวิจัย วิชาการ สถิติ แต่นิสัยน่ารักมากนะ ขำ และ ฮาสุดๆ
ไปดีกว่า ..... จบสั้นๆ
วันจันทร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557
หาไม่เจอ หรือ เธอไม่ตั้งใจ
กลิ่นหนูเน่าๆ ในบ้าน ตลบอบอวล .... พยายามหาอยู่พักใหญ่ แต่ไม่เจอ .....
กำลังถามตัวเองอย่างจริงจังว่า .....
หาไม่เจอ หรือ เธอไม่ตั้งใจ .....
ตื่นมาด้วยอาการ สลึมสะลือ ..... หลับไปกว่า 4-5 ชม.
เป็นแบบนี้เสมอ หลังๆ ระบบของการพักผ่อนในชีวิตเรื่องรวนเร ..... นอนกลางวัน ตื่นกลางคืน
เวลาหลับ .... จะมีสองแบบ (ไม่เกี่ยวกับการแพทย์นะ )
- หลับแล้วอิ่ม ตื่นมา สดชื่น
- กับหลับไปนาน 4-5 ชม. แต่กลับไม่อิ่ม ตื่นมาปวดหัวมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ
หลับเยอะ ก็ยังปวดหัว มึน ซึม เพลีย เพิ่มขึ้น
อย่างนี้ เรียกว่า .... คนไข้พักผ่อนเต็มที่รึเปล่า
แล้วมันดีต่อสุขภาพจริงดิ ??????
ไม่อยากไปหาคำตอบเยอะแยะ .....
จบสั้นๆ ดีกว่า ..... เดี๋ยวคืน นี้จะมาเขียนเรื่องการสื่อสาร ทางการตลาด ....
ตอนนี้ขอไปนั่งซึมๆ ซักพักนะ .....
ไม่ไหว ปวดหัว มึนได้อีกอักโข .....
วันศุกร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557
กราบสวัสดี....วันศุกร์ที่เคารพ
คงไม่มีใครบนโลกนี้เกลียดวันศุกร์ .....
วันศุกร์ ใครๆ ก็จะได้เข้าสู่ความหันษา ของ เสาร์-อาทิตย์ ปิดๆ ไม่ต้องทำงาน
ในประเทศแถบอิสลามมิก ..... วันศุกร์นับเป็นวันหยุด (เย้ๆ) ......
วันนี้ ตื่นมา มัดผมซะแน่น .....
มีคนเคยบอกว่า เวลาที่ดิฉันผูกผมหางม้า ยกสูง หน้าจะหยิ่งได้ใจไปอีก 12 step
ใครๆ ก็บอกว่า เจ้เป็นคนมีหน้าผากสวย (ห้ามคิดลึก !!!)
ควรหลีกลี่ยงการไว้หน้าม้า เพราะไม่เข้ากับหน้าเรา (เลยไม่กล้าตัด)
สมัยเรียนมหาลัยชอบผูกผมยกสูงหางม้าที่สุด ..... เนื่องจากดูเรียบร้อย
แต่ผลจากการรวบตึง จะทำให้ปวดหัวบ่อยๆ (สาวๆ ทุกคนรู้ดี)
ตื่นมาก็ซึมๆ มึนๆ อยากกินขนมปัง มว๊ากๆ .....
ถ้าเป็นขนมปัง วังหลังแถวศิริราช จะยิ่งอร่อย .... แหม เสียดาย ไม่ได้ไปแถวศิริราชอีกแล้ว
วังหลังเป็นสถานที่ ที่น่าเที่ยวที่สุดแล้ว ในความรู้สึกฉัน
ควรจะเริ่มที่ ..... ไปกินก๋วยเตี๋ยว ข้างๆ ธรรมศาสตร์
และก็ไปซื้อขนม มะขามหวาน หมูทอด อร่อยๆ
จากนั้นก็ นั่งแพ ชิลๆ ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ..... ไปฝั่งศิริราช
แนะนำให้ไปที่ พระบรมรูปก่อน ไปทำบุญบริจาค หรือ กราบไหว้ .... พระบรมราชชนก ท่านเป็นคนแรกแห่ง วงการการแพทย์สาธารณสุขไทย .....
อาจารย์ที่คณะเคยสอนว่า .... พระบรมราชชนกเป็นเจ้าฟ้า ที่สละตัวเองเพื่อดูแลคนป่วยที่เป็นเพียง ชาวบ้านธรรมดา มือเปื้อนเลือด เปื้อนหนอง โดยมิเคยรังเกียจ หรือถือยศ ถือศักดิ์ .... นี่เลยเป็นเหตุผลที่เด็กสาสุข มักจะ กราบไหว้ ยกย่อง นับถือพระองค์ท่านอย่างสุดจิตสุดใจ ....
จบจากทริป ศิริราช .....
เราก็ควรจะไปเดินเล่น วังหลัง ..... ขนมปังอร่อยมาก
ต่อมาให้เดินไปที่วัดที่ติดริมแม่น้ำ .... ไปปล่อยปลา ปล่อนนก ปล่อยหอย
(จำชื่อวัดไม่ได้ แต่มีแมวเยอะมากกกกกกกกกกก )
เสร็จก็ไปเดินเล่น ช๊อปปิ้ง ..... เสื้อผ้าสวย รองเท้างาม กระเป๋าเก๋ .... แต่ราคาถูก
จากนั้นลงเรือ .... ไปลงนั่งเล่นที่ท่าพระอาทิตย์
ตอนเย็น บรรยากาศดีมาก ยิ่งถ้าไปวันอาทิตย์ จะมีวงดนตรีไทย (ย้ำว่าเป็นวงใหญ่จริงๆ ) มาบรรเลงให้ฟังฟรีๆ ที่สวนสาธารณะ (ไม่รู้ตอนนี้ยังมีอีกปะ)
และก็จะมีเด็กน้อยเกรียนๆ มาซ้อมสเก็ตบอร์ด หรือเต้น cover เกาหลี ดังสนั่นอยู่ข้างๆ วงดนตรีไทย
อืม บรรยากาศ ไม่เข้ากันเลย ..... แต่นั่งฟังไปเถอะ .... ซัก 30 นาทีจะเริ่มชิน
ดนตรีไทยบรรเลง ผสมผสานดนตรีการเต้น Cover เกาหลีแรงๆ .....
หึหึ ศิลปะแปลกที่ยากจะเข้าใจ
แนะนำให้นั่งไปเรื่อยๆ ..... จนตะวันตกดิน อากาศจะดีมาก
ที่ท่าพระอาทิตย์ จะมีต้นลำพูเก่าแก่ อยู่หนึ่งต้น
(ตรงนี้ อดีตเป็นดงต้นลำพู เลยเป็นที่มาของคำว่า "บางลำพู")
แล้วอินโทรเพลงคู่กรรม ก็ดังแว่วๆ หึหึ .... เจ๊อยากเป็นอังศุมาลิน หยิ่งนัก พอสามีตายแระทำเป็นร้องไห้ ชิชิส์ เป็นหม้ายเลยเห็นปะ ????? เล่นตัวไปทำไม สมน้ำหน้า !!!
จากนั้น .... ดินเนอร์ ..... มีร้านอาหารเยอะแยะ
ทั้งราคาแพง จนถึง ถูกๆ แบบกะโหลกกะลา
แต่ถ้าแบบสไตล์เจ๊ ....แนะนำ ร้านโรตี ข้าวหมกไก่ ท่าพระอาทิตย์ ถูกดี แต่อร่อยมาก
ภายในร้านเล็กเท่าซอกนมโรงเจ นั่งสองคนแทบจะเต็มร้าน แถมเสียงดัง เจี๊ยว !! จ้าว !!! ....
ร้านนี้อย่าหวังความโรแมนติก .... กินๆ ไป อย่าบ่น ....
ทริปนี้เป็นทริปแห่งความสนุก ไม่ใช่ทริปหรูหรา อิอิ
กินข้าวเสร็จ มีร้านเค้กใกล้ๆ บอกคำเดียว อร่อยเวอร์ แต่แอบแพง ....
เดินไปเดินมา เหงื่อนจะท่วมร่าง อืมมมม .... เถื่อนได้กลิ่นอาย "จำเลยรัก"
ทรหด อดทน ลากกัน ขึ้นบก ลงน้ำ ลงเรือ มันส์ดี
จากนั้น ..... ไปนั่งต่อที่ท่าพระอาทิตย์นั่นแหละ จน 2 ทุ่ม .... ค่อยกลับ ....
โปรแกรมเที่ยว เบาๆ .... สนุก ลองดูสิรูปในเน็ต สวยดี
ปล. อย่าเอารถไปจะดีที่สุด ไม่มีที่จอดรถหรอก .... เพราะที่ธรรมศาสตร์เค้าก็ไม่ให้จอด
จอดในวัดก็ไม่ได้ ไปฝากไว้ที่ปั๊ม ชั่วโมงละ 200 อืมมมมม ...... ชั้นว่ามันแพงนะ
แนะนำให้ถอดส้นสูง ถลกกระโปรง ใส่ยีน สวมรองเท้าแตะ และเดินลุยคะ .....
ทริปนี้วัดใจ .... ยิ่งถ้าต่อด้วย การเดินย้อนกลับไป นั่งเล่นที่สนามหลวงได้ ซัก 2 รอบ
คอนเฟริ์มว่า .... สวดยอดคร้าาาาา ..... เจ๊ทำมาครบแล้ว อิอิ ....
วันอังคารที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557
ลบ-ลืม-ล้าง
ตัดสินใจ ลบอะไรใน เฟสไปเยอะมาก .... เกือบจะ 50 % ทั้งเพื่อน ทั้ง like เลยทีเดียว .....
นึกๆ ก็เสียดาย .... เพราะพอมองกลับไปมันคือ ความทรงจำ ที่โก๊ะกัง ขังห่านเยอะแยะไปหมด
ทั้งที่คนอื่นหลอกเรา และเราหลอกคนอื่น
บางคนได้ยินอาจจะคิดว่า ....
มันเป็นอดีตที่แหลกเหลว ยังมีหน้ามาตลกอีกเหรอ ไม่รู้จักสำนึก
ถ้าเมื่อก่อน คงจะอาย กลัว ลนลาน รีบแก้ต่าง กับการกระทำ แล้วสัญญาว่าจะเป็นคนดี ไม่ทำอีก บลา บลา
ชั้นไม่ได้บอกว่าตัวเองเก่ง เป็นผู้ใหญ่ ฉลาด แค่เรียนรู้ที่จะ "มองทุกอย่างให้มันธรรมดา"
อาจารย์พงศ์พันธ์ เคยพูดว่า .....
อดีตที่ทำเราร้องไห้ เสียใจ พอหันกลับไปมอง มันอาจจะกลายเป็นเสียงหัวเราะก็ได้ !!!!!
เอออ ช่ายยยย .... มันคือเรื่องจริง
ชั้นไม่ปฏิเสธว่า .....
ตัวเองแรงขึ้น แรงมาก มากกว่าปีเก่าซะอีก
เมือ 5 ปีที่แล้วออกแนว
แรงแบบร้าย แรงแบบโกหก มุ่งงาน ไม่สนใจอะไร ไม่แคร์ ไม่เชื่อ มั่นใจ
ซึ่งต่อมา หลังจากสลบไปหลายเดือน ก็เปลี่ยนเป็น .....
เงียบ ยอมทน ใครจะว่าอะไร ก็ทนๆ เหมือนจะเรียบร้อย นิสัยดี เป็นกุลสตรี
แต่พอ 4-5 เดือนมานี้ ก็เปลี่ยนหน้ามือ เป็นหลังเท้า
และเหมือนจะแรง มากกว่าเดิม อย่างไม่เกรงกลัวอาญาแผ่นดิน .....
คงเพราะ .... มั่นใจว่าตัวเองไม่ได้มีปัญหาอะไรทางสังคมมากมายเหมือนที่เคยหวาดวิตก ระแวง
แค่ไม่ชอบสุงสิงกับใคร
และจริงๆ ให้ทำไรก็ทำได้ หรือพร้อมจะขอโทษ รักษามิตรภาพ เสมอ
จนตอนนี้อายุมากขึ้น ผ่านเรื่องแรงๆ มาเกือบ 6-7-8 ปี .....
ทุกอย่างมันสอนให้รู้ว่า ...... ชีวิตต้องมีทั้งอ่อนและแข็ง
ถ้าเป็นการสั่งสอนจากผู้ใหญ่ทำไมชั้นต้องแข็งขืน ไม่รับฟังด้วยละ
แต่ถ้าเป็นการกระทำที่ไม่ให้เกียรติ ทำร้ายกันหลายๆครั้ง .....
ชั้นก็ไม่จำเป็นต้องอ่อนแอ ยอมให้โขกสับ เหมือนเรื่องนางทาสเช่นกัน
ทุกอย่างอยู่บนพื้นฐาน .... respect for each other
ซึ่งแน่นอนว่า ..... เค้าสามารถทำร้ายชั้นได้ถึง 5 ครั้ง
แบบชนิดที่ ชั้นจะนั่งโง่ๆ เอ่อๆ น้ำลายไหล ให้ทำร้ายโดยไม่ตอบโต้ ..... แต่เมื่อไหร่ที่เกิน 6 ครั้ง.....
จงรับการกระทำทั้งหมดคืนไป แล้วอย่าร้องไห้เด็ดขาด !!!
เพราะชั้นให้โอกาสถึง 5 ครั้งเพื่อหยุด .... แต่ถ้าไม่หยุด ก็ยินดีคะ .....
ชีวิต มันไม่ได้ มีแค่ .....
ไข่เค็ม ข้าวต้ม ขนมหวาน ต้นข้าว กระเป๋า ร้องเท้า ขาว แดง เหลือง
ไม่ต้องร้อนรน หาความลับ เจ็ดยอดมงกุฏ หรอก
..... แม้ใครๆ จะพูดกันว่า .....
คงอีกหลายปี หลายเดือน หลายชาติ เพราะไม่ยอม Approved ให้แน่ๆ นิสัยแรงขนาดนี้
ถ้าเป็นปีที่แล้ว คงร้องไห้ เสียใจ ครางถืดถือ อ่อนแอ ทำไมนะ ทำไมเค้าไม่ยอมรับเรา แงแงแง เราทำผิดอะไรนะ บ้าบอ ตอแหลไป
แต่วันนี้ ....แม่จินดา พ่อชาติศักดิ์ เค้าแก่มากแล้ว
จนชั้นแทบจะไม่สนใจ ใบ Approved ใดๆ
เค้าเดินไม่ไหว ทำกับข้าวมือสั่น .... แต่พอเราจะขยับตัวทำอะไร
ก็เหมือนต้องมีคนเสียประโยชน์ ได้ประโยชน์ เครียดจริตเสียกันไปหมด จนน่ารำคาญ
ชั้นไม่สงสารตัวเองอีกแล้ว ..... ชั้นสงสารพ่อแม่ ที่แก่ลงมากกว่า
ไม่ต้อง Approved ให้หรอก .....
ไม่ใช่ท้าทาย แต่มันสายไปแล้วจริงๆ .....
ให้อยู่ในสถานะนี้ อีก 10-20-40 ปี .... ชั้นก็ไม่มีปัญหาหรอก
วันหนึ่งคุณจะเข้าใจเอง..... คำว่า "สาย" มันแปลว่าอะไร
วันอาทิตย์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557
อัพเบาๆ .... ของความสัมพันธ์
วันก่อนดูเรื่อง salt ..... ขอเรียกสั้นๆละกันว่า .... น้องเกลือมหาประลัย
เรื่องนี้ แอบผิดหวังหน่อย ๆ เพราะเป็นแฟนพันธ์แท้ เจ๊แองจี้ม๊าก
ตั้งแต่ ทูมไรเดอร์ Needed ..... เจ๊แองจี้เล่นได้ ดุ เดือด เถื่อน ทมิฬ ทุกเรื่อง
เรื่องนี้ ..... น้องเกลือออกแนวพารานอยด์ไปหน่อย ดูแล้ว งงๆ .....
เหมือน น้องเกลือจะห่วงสามีมากไปนิดส์ ทั้งๆ ที่ สามี she ออกจะดูลึกลับ ชวนให้หวาดกลัวมากกว่า
ดูไม่ทันจบ .... เลยไม่รู้ว่า ตกลง น้องเกลือเป็นสายลับรัสเซียไหม ? กลับเกิดอาการจิตตกซะเอง ..... เออ กลัวกินเกลือ แล้วต้องไปอยู่รัสเซียรึเปล่า
หยึส์ ..... แอบรำคาญ ระบบจิตวิทยา และ ตรรกศาสตร์ในสมองตัวเอง คิดไปได้
เมื่อวาน .... อัพเรื่อง .... ความสัมพันธ์ว่า คนเรารอบๆ ตัว มักจะต้องเจอกับคน 3 ประเภท
- รักและห่วงเรา
- คนที่เฉยๆกับเรา
- และคนที่เกลียด สมน้ำหน้าเรา
คนที่ ....... ทั้ง-รัก-ทั้ง-เกลียด-เรา ?????
- ถ้ามีคนมารัก เราก็รู้สึกดี ไม่แปลก ชอบ
- และใครที่เฉยๆ กับเรา ก็ดี .... ไม่มีปัญหา อยู่กันได้ ทำงานกันได้
- ส่วน .... คนที่เกลียดเรา อันนี้ สบาย !!!! ร้ายมาก็ร้ายตอบ ตบมา ก็ตบกลับ ชิลๆ ไม่เคยกลัว ไม่เคยท้อแท้
แต่จะมีคนจำพวกหนึ่งที่ ชั้นกลัวมาก และวางตัวไม่ถูกเลย เวลาต้องเจอสถานะการณ์คือ
คนที่ทั้งรัก ทั้งเกลียดเรา ..... อืมมมมมมมมมมมม ...... งานเข้า
มนุษย์ทุกคน ..... ต้องเคยเจอ เชื่อสิ
เพราะเค้าจะเป็นลักษณะที่ ....
- เวลารัก .... เค้าก็รักเรามาก
- แต่เวลาเกลียด อืมมมมม .... ก็ไม่ต้องบรรยาย (เรียกว่า แทบอยากจะถลกหนังหัวเราเลยทีเดียว)
ชั้นเป็นคนที่ยืนบนพื้นฐานของ ความเฉยๆ จนแทบจะเป็นเย็นชา
คือไม่รักมากมาย ชิลๆ น้อยๆ แต่นานๆ มั่นคง และก็ไม่ได้เกลียดฝังแหนบ กับใคร ....
เลยไม่ค่อยเข้าใจอารมณ์ ทั้งรัก-ทั้งเกลียด เท่าไหร่
รู้แต่ว่า ..... มันต้องเกิดจากปัจจัยที่สุดโต่ง คือ ..... รักมากสุดๆ แต่โดนทำเจ็บกระอักเลือด
จนทำให้มีความรู้สึกนี้ได้
แล้วจะแก้ปัญหาอย่างไร ????????
ไม่รู้ ????? อันนี้ไม่รู้จริงๆ
สงสัยต้องถาม นักจิตวิทยา .....
ใครรู้คำตอบ ช่วยบอกด้วยนะ ......
เพราะด้วยวัยวุฒิแค่นี้ คุณวุฒิแค่นี้ .....
มองไม่ออกจริงๆ ว่าถ้าเจอคนที่ ..... ทั้ง-รัก-ทั้ง-เกลียด .....เราควรทำตัวอย่างไร .....
.... ช่วยแชร์คำตอบก็ดีนะ ..... จุบุ จุบุ ไปดีก่าาาาาาา
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)